จับตา! “บีอาร์เอ็น” ส่งรหัสสำคัญ ยึดแนวทาง “ญิฮาด” ตามแบบ “วะฮาบีตักฟีรี”

18597
“อาวัง ยาบัต” ประธานมาราปาตานี (MARA PATANI) ขณะกล่าวปาฐกถา โดยมีหนังสือ Fiqh Jihad อยู่เบื้องหลัง

รหัสสำคัญผ่านหนังสือ “Fiqh Jihad” ระหว่างประธานมาราปาตานีขณะกล่าวปาฐกถา ส่งสัญญาณชัด “บีอาร์เอ็น” ยึดแนวทางต่อสู้และ “ญิฮาด” ตามแบบนิกาย “วะฮาบีตักฟีรี”

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (Deep South Watch) ร่วมกับเครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมชายแดนใต้ จัดงาน“วันสื่อสันติภาพชายแดนใต้/ปาตานี ครั้งที่ 3 และสมัชชาสันติภาพ 2016” ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี

จุดสนใจของงานนี้ อยู่ที่การปาฐกถาของบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายขบวนการฯ ที่ส่งเทปวิดีโอมา

บุคคลที่น่าจับตามากที่สุด คือ “อาวัง ยาบัต” ประธานมาราปาตานี (MARA PATANI)  เพราะนอกจากการปาฐกถาในหัวข้อ “ความท้าทายและก้าวต่อไปการพูดคุยเพื่อสันติภาพ” ที่เป็นการบันทึกเทปส่งมาเป็นภาษามลายูและมีซับไตเติ้ลภาษาไทยแล้ว เสมือนว่าขบวนการฯ มีเจตนาส่งสัญญาณสำคัญบางอย่างผ่าน “ปกหนังสือ” ที่อยู่บนชั้นเหนือศีรษะของเขา

ปกหนังสือ “Fiqh Jihad” เขียนโดย “เชค ยูซุฟ กอระฎอวี”
ปกหนังสือ “Fiqh Jihad” เขียนโดย “เชค ยูซุฟ กอระฎอวี”

โดยในคลิปวิดีโอที่เผยแพร่การปาฐกถาของประธานมาราปาตานีนั้น  บนตู้หนังสือฉากหลังปรากฏว่า มีหนังสือชื่อ “Fiqh Jihad” (ฟิกห์ญิฮาด) แปลว่า “ศาสนาบัญญัติว่าด้วยการญิฮาด” ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ถูกจับวางไว้อย่างตั้งใจในจุดที่โดดเด่นของเฟรมวิดีโอ ถึง 2 เล่มพร้อมทั้งหันหน้าปกออกมาให้เห็นชัดเจน โดยหนังสืออีกเล่มที่หันหน้าปกออก คือ คัมภีร์อัลกุรอาน ขณะที่เล่มอื่นๆ ล้วนหันสักปกออกทั้งสิ้น

หากนี่คือรหัส ก็แปลเจตนาของขบวนการฯ ได้ว่าต้องการส่งสารถึงผู้เกี่ยวข้องว่า แนวทางการต่อสู้ของขบวนการฯ นั้นจะยึดแนวทางของอัลกุรอานและหนังสือ “ศาสนาบัญญัติว่าด้วยการญิฮาด” เล่มนี้

ทั้งนี้หนังสือ “Fiqh Jihad” เขียนโดย “เชค ยูซุฟ กอระฎอวี” นักวิชาการศาสนาอิสลามชื่อดังที่มีแนวคิดแบบ “วะฮาบี” ซึ่งอิทธิพลทางความคิดของเขาส่วนหนึ่งส่งผลต่อความวุ่นวายยุ่งเหยิงของตะวันออกกลางในขณะนี้

โดย ยูซุฟ กอระฎอวี เป็นชาวอียิปต์ปัจจุบันลี้ภัยและได้รับสัญชาติกาตาร์ เคยถูกหน่วยงานด้านความมั่นคงอียิปต์จับกุมตัวในข้อหาเป็นสมาชิกและบิดาแห่งจิตวิญญาณพรรคอิควานมุสลิม หรือ ภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) และในข้อหาออกคำวินิจฉัยส่งเสริมยุยงให้เกิดการเข่นฆ่า และนองเลือด

ทางการอียิปต์ระบุว่า เขามีชื่ออยู่ในบัญชีผู้ถูกประกาศจับของตำรวจสากล

กอระฎอวี เป็นผู้ก่อตั้ง องค์กรสหภาพนักวิชาการมุสลิมนานาชาติ (International Union of Muslim Scholars – IUMS) ในปี 2004 ซึ่งเป็นองค์กรนักวิชาการมุสลิม มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศกาตาร์ มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอิควาน

คลิปวิดีโอการกล่าวปาฐกถา (ที่มายูทูป บัญชี DeepSouthWatch)


 

อิทธิพลทางความคิดของ “ยูซุฟ กอระฎอวี” มีส่วนสร้างความยุ่งเหยิงในโลกอาหรับ ตัวอย่างเช่น

ลิเบีย

เป็นผู้ออกคำฟัตวา (วินิจฉัยทางศาสนา) สนับสนุน กลุ่มต่อต้านมุอัมมาร์ กัดดาฟี แหล่งลิเบีย และออกฟัตวาอนุญาตให้สังหารกัดดาฟีได้

เขาได้กล่าวว่า “บรรดานักรบคนใดก็ตามที่สามารถสังหารกัดดาฟีได้ และใครก็ตามที่สามารถรับใช้ประเทศ และเหล่าบ่าวของพระเจ้าได้ ด้วยการยิงกระสุนเพียงหนึ่งลูก จงกระทำในสิ่งนั้น และฉันได้ออกคำฟัตวานี้แล้ว”

อิรัก

ฟัตวาแทรกแซงอิรัก โดยกล่าวโจมตี นูรี มาลิกี นายกรัฐมนตรีอิรัก (ขณะนั้น) ว่าสังหารมุสลิมซุนนีในประเทศ และให้การร่วมมือกับอิหร่านและฮิซบุลเลาะห์ โดยกล่าวว่า

“พี่น้องอะฮลิซุนนะฮ์ของเรากำลังทำสงครามในอิรัก และกำลังปกป้องศาสนาและชีวิตของพวกเขา อิรักกลายเป็นของชีอะฮ์เท่านั้น และมาลิกีคือผู้อธรรม พี่น้องของเราต้องอดทนหลายต่อหลายครั้ง ทว่านูรี มาลิกี ก็ยังคงดำเนินตามแผนงานของตนเองอยู่ต่อไป  เขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในซีเรียแล้วยังร่วมมือกับ อิหร่านและฮิซบุลเลาะห ชีอะฮ์ทุกคนกำลังต่อต้านอะฮลิซุนนะฮ์ พวกเขาคือผู้ละเมิดบนหน้าแผ่นดิน เราจะเตือนมาลิกีและทุกคนที่สนับสนุนว่า ว่านี่คืออันตรายที่พวกเจ้าได้ทำสงครามกับ ประชาชาติหนึ่ง ซึ่งมีอะฮลิซุนนะฮ์เป็นจำนวน 90 เปอร์เซ็นต์  และตราบใด ที่พวกเจ้ายังคงเดินหน้าทำสิ่งนี้ และตราบใดที่ยังสังหารอะฮลิซุนนะฮ์อยู่ เราจะไม่ยอมรับมัน”

ซีเรีย

กอระฎอวีได้เรียกร้องทุกคนที่สามารถต่อสู้และญิฮาดได้ ให้เข้าร่วมรบในซีเรียต่อต้านบาชาร์

เขากล่าวฟัตวา ในโดฮา กาตาร์ว่า “เป็นวาญิบ (จำเป็น) ต่อรัฐบาลอาหรับและอิสลามทุกรัฐบาล ที่จะต้องลุกขึ้นช่วยเหลือชาติซีเรียที่ถูกกดขี่”

และในอีกวาระหนึ่ง เขาได้กล่าวว่า “ผู้ใดก็ตามที่สนับสนุนบะชาร์ ขอพระเจ้าจงสาปแช่งเขา และพระเจ้าจะต้องแก้แค้นกับพวกเขา ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้มุสลิมทุกแผ่นดิน ว่า เมื่อใดก็ตามที่พวกท่านมีความสามารถจะทำการปกป้องพี่น้องของพวกท่าน จงไปที่นั่น และหากสามารถจะทำสงคราม ดังนั้น พวกท่านจงไปทำสงครามเถิด”

ตุรกี

หลังเหตุตุรกีสอยเครื่องบินรัสเซียบริเวณชายแดนซีเรียจนนำมาสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างสองฝ่าย และรัสเซียเริ่มใช้มาตรการทางเศรษฐกิจตอบโต้ตุรกีนั้น ปรากฎว่า กอระฎอวีได้ออกแถลงการณ์ในนามองค์กรสหภาพนักวิชาการมุสลิมนานาชาติ ระบุว่า มุสลิมจำเป็น ต้องให้การสนับสนุนและยืนอยู่ข้างตุรกี รวมทั้งเรียกร้องให้มุสลิมและประเทศอิสลามหนุนตุรกีในทุกๆ ด้าน รวมถึงการสนับสนุนสินค้าเเละด้านเศรษฐกิจ

ความขัดแย้งกับนักการศาสนามหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร

เนื่องจากการออกทัศนะและฟัตวาที่รุนแรงของเขาทั้งในเรื่องภายในของอิยิปต์และโลกอิสลาม ทำให้ ยูซุฟ  กอระฎอวีถูกวิพากษ์วิจารณ์และตำหนิอย่างรุนแรง โดยผู้รู้อิสลามในอิยิปต์ และ ม.อัลอัซฮัร

เชค มะฮัมมัด ชะฮาต อัลญุนดีย์ สมาชิกองค์กรเจรจาอิสลาม ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “เราจะต้องตระหนักว่า เกอระฎอวีไม่ใช่แบบอย่างและผู้นำของเรา อิสลามต่างหากคือผู้นำของเรา อิสลามคือศาสนาที่เรียกร้องให้มุสลิมเป็นปึกแผ่น ไม่ใช่แตกแยกกันระหว่างพวกเขากับประชาชน”

เชคมูฮัมมัด อับบัสฏูยีซีย์ ประธานสมาพันธ์อิมามนมาซญะมาอัต และ นักการศาสนาอิยิปต์ ได้กล่าวว่า “เชคยูซุฟ กอระฎอวี จะถูกห้ามไม่ให้ขึ้นเวทีปราศรัยในมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร”

ความสัมพันธ์กับอิสราเอล

ในปี 2010 หนังสือเล่มหนึ่งฉบับภาษาฝรั่งเศส ชื่อ “กาตาร์มิตรที่ไม่ดีสำหรับเรา” ถูกตีพิมพ์ ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ มีเรื่องการตั้งสถานีโทรทัศน์อัลจาซีร่าของกาตาร์ รวมถึงเป้าหมายที่เปิดเผยและ ซ่อนเร้น และการเล่นบทสกปรกในการบิดเบือนสถานการณ์ในโลกอาหรับ เจ้าของหนังสือคือ นิโคลา พู และ ช๊าก มารีย์ เปิดเผยถึง ความสัมพันธ์ระหว่าง เจ้าชายกาตาร์ และยูซุฟ กอระฎอวี กับ มอสสาด และ สภาคองเกรสของอเมริกา

เจ้าของหนังสือ ระบุถึงการปรากฎตัวของ ยูซุฟ กอระฎอวี ในเทลอาวีฟ  ตามคำกล่าวของ รองประธานสภา อัลจีเรีย และคำยืนยันของภรรยาคนที่สามของ ยูซุฟ กอระฎอวี ที่ชื่อ อัสมาอฺ บิน กอฎะฮ์ ซึ่งระบุว่า กอระฎอวีได้เดินทางไปอิสราเอล ในปี 2010 อย่างลับๆ

ภรรยาคนที่สามของ อัล-เกาะเราะฎาวีย์ ได้ออกมาเปิดเผย ถึง ความสัมพันธ์ ระหว่าง สามีของนางกับหน่วยงานลับอิสราเอล และยังเปิดโปงความสัมพันธ์แบบลับๆ ระหว่างผู้นำกาตาร์ โดยใช้อิทธิพลและตำแหน่งศาสนาของกอระฎอวีในโลกอิสลามในการดำเนินตามแผนการของ อิสราเอล และ สหรัฐฯ

เป็นศัตรูกับชีอะห์

แต่เดิมกอระฎอวี มีมุมมองที่มเป็นมิตรต่อชีอะห์​ แต่มาในช่วงหลายปีหลัง กอรฎอวีกลับต่อต้านและกล่าวประณามชีอะห์อย่างหนักหน่วง

ในปี 2009 (ก่อนเกิดวิกฤตซีเรีย) กอระฎอวีให้การสนับสนุนบะชัรและกองทัพซีเรีย และ ฮิซบุลเลาะห์ แต่หลังจากที่เดินทางไปอิสราเอลปี 2010 ในปี 2011 เขาออกฟัตวา ให้ฆ่าบะชัร ทหารของรัฐบาล และให้ต่อสู้กับฮิซบุลเลาะห์

นอกจากนี้ กอระฎอวี ยังได้รับฉายาจากสื่อมวลชนและโลกอาหรับบางส่วนว่าเป็น “นักการศาสนาของนาโต้” (the NATO Mufti) เพราะเมื่อมีวิฤตหรือสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับโลกมุสลิม กอระฎอวีมักออกคำวินิจฉัยที่สอดคล้องและรองรับแนวทางและคำประกาศของนาโตเสมอมา

จากรหัสสำคัญของ “อาวัง ยาบัต” ประธานมาราปาตานี  ในครั้งนี้ที่ส่งสัญญาณว่า  แนวทางการต่อสู้และ “ญิฮาด” ของ “บีอาร์เอ็น” นั้นยึดโยงตามแนวทางหนังสือ “Fiqh Jihad” ของ ยูซุฟ กอระฎอวี  นักการศาสนาซึ่งมักมีคำวินิจฉัยส่งเสริมและยุยงให้เกิดการเข่นฆ่า และนองเลือด ซึ่งชัดเจนว่าเป็นไปตามแบบ “วะฮาบี” และ “ตักฟีรี” (วินิจฉัยว่าผู้อื่นตกศาสนา) จนทำให้โลกอาหรับระอุยุ่งเหยิงวุ่ยวายไม่รู้จบสิ้นอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นจากนี้ต่อไปจึงน่าจับตาว่าสถานการณ์ชายแดนใต้จะเป็นไปในทิศทางใดต่อไป!!