กลายเป็นข่าวที่กำลังที่พูดถึงอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ สำหรับเรื่อง การถอนสัญชาติ เชค อีซา กอซิม ออกจากความเป็นชาวบาห์เรน และยังมีปฏิกิริยา จากการตัดสินใจถอนสัญชาติอันนี้ ในหลายๆด้านอีกด้วย
เรื่องราวของบาห์เรน คือ เรื่องราวที่เริ่มต้น จากความขัดแย้งกันระหว่างสองฝ่าย คือ ฝ่ายปกครอง(ไม่กี่คน) กับ ฝ่ายประชาชน (เกือบทั้งประเทศ) ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2011 ก็นับเป็นเวลา 5 ปีแล้ว
จุดเริ่มต้นประท้วงเกิดมาจาก ผลพวงของอาหรับสปริง หรือ ปฏิวัติโดมิโนในโลกอาหรับ เหตุผลหลักๆคือ พวกเขาเบื่อกับการมีทรราชมาเป็นผู้ปกครอง เบื่อระบบที่กดขี่ประชาชน ก็เลยลุกฮือ ขึ้น เพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนระบอบการปกครอง ที่มันแสนจะ เผด็จการ อย่างยาวนาน และบาห์เรน ก็เป็นอีกประเทศ ที่ประชาชน ลุกขึ้นมา บอกว่า “เราไม่อยากอยู่ใต้การกดขี่แบบนี้อีกแล้ว” ความต้องการของประชาชนคือระบอบรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเป็นเหมือน ตัวตนที่ไม่มีอำนาจอะไร ศูนย์รวมอยู่ที่ราชวงศ์และกษัตริย์เกือบทั้งหมด คนบาห์เรนควรที่จะได้สิทธิมากกว่าเดิม การปกครองในแบบครอบครัว คนในรัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ประชาชนต้องการให้รัฐปฎิรูปและไม่ต้องการให้คนในรัฐบาลอยู่กันแบบพวกพ้องมากเกินไป
ถ้าผู้อ่านสังเกตช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมาในโลกอาหรับ จะเห็นว่า ประเทศอาหรับอื่นๆ นั้น ปชช ล้มผู้นำที่ริดรอนสิทธิของพวกเขา ได้สำเร็จ อย่างเช่น ลิเบีย อิยิปต์ แต่กับ บาห์เรน มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เหตุผลเพราะ
1 บาห์เรน มีตะวันตก เป็นแบ๊กอัพ จึงไม่แปลกที่ สหรัฐจะสามารถเปิดฐานทัพเรือที่ห้าในบาห์เรนได้ อย่างกับเป็นเจ้าของประเทศเสียเอง และยังเป็นประเทศที่มีประวัติว่า เป็นบ่าวของอังกฤษอีกด้วย
2 มีลูกพี่ใหญ่คือ ซาอุดิอาราเบีย คอยหนุนหลัง
3 มีเงิน
แต่สุดท้ายไม่ว่าอย่างไร “ธรรมะ ย่อม ชนะอธรรมเสมอ” “ความยุติธรรมไม่เคยพ่ายแพ้” วันหนึ่งปชช.ชาวบาห์เรนจะปฏิวัติได้สำเร็จ และหายใจได้อย่างภูมิใจว่า” ในที่สุด เราก็ได้อยู่ในประเทศของตัวเองอย่างเสรีชน”
เอกลักษณ์การชุมนุมของบาห์เรน ต่างกับที่อื่นๆบนโลกตรงที่ ประชาชนประท้วงกันอย่างสันติ ประท้วงกันอย่างสงบ ประท้วงกันแบบสันติวิธี คือ พวกเขารวมตัวกัน แล้วก็ทำป้าย ทำโปสเตอร์ เขียนสโลแกน แล้วก็วิจารณ์ถึงการแบ่งชนชั้นของรัฐบาล เรื่องสองมาตรฐาน เรื่องเอารัดเอาเปรียบ เรื่องริดรอนสิทธิ ทั้งๆที่ ปชช เป็นคนส่วนมาก และ เรื่องอื่นๆ มันไม่ได้เป็นการประท้วงที่มีคนแอบเอาปืนไป เอาระเบิดลูกปิงปองไปปาใส่ทหาร เอามีด เอาดาบไป
คือ การประท้วงของพวกเขา เป็นการประท้วงสีเขียวจริงๆ และมีลักษณะคล้ายการประท้วงของ มหาตมะ คานที ที่คนอินเดีย เอาหัวไปให้อังกฤษตีโดยไม่ตอบโต้ หรือ ที่เรียกว่า อหิงสา
ในเรื่องของบาห์เรน ฝ่ายปกครอง ไม่รอช้าที่จะตีหัว และจับขังผู้ชุมนุมทันที ไม่ยกเว้น เด็ก และผู้หญิง ไม่มีการประณีประนอม ประท้วงที่ไหน ตีที่นั่น จนในที่สุด ฝ่ายปกครองบาห์เรน ก็ถูกจัดอันดับให้กลายเป็นสิบอันดับ ประเทศที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนประชาชนของตนเอง
ปีที่แล้ว ฝ่ายปกครอง จับคนประเทศตัวเองประมาณ 1883 คน ด้วยข้อหาเข้าร่วมกิจกรรมประท้วง ซึ่ง 50 เปอร์เซ็น ของคนที่โดนจับ ถูกจับแบบไม่มีหมายศาล เรียกได้ว่า สงสัยใครก็จับเข้าคุกเลย ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นที่เหลือ ถูกจับตอนประท้วง เลวร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือ ครอบครัวของคนที่ถูกจับ ไม่สามารถร้องเรียนกับองค์กรสิทธิมนุษยชนได้ เพราะถ้าฟ้อง ฝ่ายปกครองขู่ว่า ใครฟ้อง จะจับอีกรอบ แบบไม่ต้องสงสัย
นอกจากนี้ เรื่องที่ลึกลับยิ่งกว่าก็คือ ในปี 2015 มีวัยรุ่น จำนวน 441 คน สูญหาย ไปซะเฉยๆ ซึ่ง 37 เปอร์เซ็น เป็นเด็กที่มีอายุไม่ถึง 18 ปี หรือฝ่ายปกครองทำเด็กหาย !? และบาห์เร็น ยังเป็นประเทศที่ถอนสัญชาติประชาชนของประเทศตัวเอง โดยมีคนถูกถอนสัญชาติมากกว่า 200 คน ข้อหาประท้วง รัฐบาล และฝ่ายปกครอง !? มันถึงกับต้องถอนสัญชาติเลยหรือ ?
ในตอนนี้ ผู้นำการประท้วง ของชาวบาห์เรน ถูกจับกุม และถูกถอนสัญชาติ เป็นเหตุให้ประชาชนลุกฮือขึ้นมาอีกครั้ง ที่ต้องลุกขึ้นสู้ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่อง ประท้วงเพราะหิว ,ประท้วงเพราะจน แต่นี่ คือ การประท้วงของประชาชน เพราะผู้ปกครองริดรอนสิทธิของพวกเขาเอง
ในอีกด้านหนึ่ง ข่าวจากสำนักตะวันตก ออกมาพูดเหมือนกันหมด ว่า ผู้ประท้วงก่อความไม่สงบ ในประเทศ เหมือนจะใส่ข้อความว่า” ที่ประเทศบาห์เรนไม่สงบ ก็เพราะ การประท้วงแบบนี้ “ จริงๆเราก็อยากจะถามสำนักข่าวกลุ่มนี้เหมือนกันว่า “แล้วผู้ประท้วงกับผู้ถูกประท้วง คนกลุ่มไหนกันแน่ที่ทำให้ประเทศเกิดความไม่สงบ เพราะ การประท้วงเหล่านี้ เกิดขึ้นจากการริดรอนสิทธของผู้ประท้วง โดยผู้ถูกประท้วง เศรษฐีอ้วนอาหรับที่ขายวิญญาณให้ตะวันตก และสมมติตัวเองเป็นกษัตริย์ ความไม่สงบมันน่าจะมาจาก อาหรับชาตินิยมพวกนี้ ที่เหยียดชนชั้น และริดรอนสิทธิของคนส่วนมาก ไม่ใช่หรือ ? คือ ตัวอย่างคนกลุ่มหนึ่งถูกตีหัว ออกมาร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ เพราะถูกคนอื่นตี แล้ว พวกเขาก็พูด ว่าเขาโดนรังแกยังไง ท่านจะบอกว่า คนที่ถูกตีหัว ก่อความไม่สงบสร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง เพราะออกมาร้องเรียนสิทธิของตัวเองหรือ ? ได้ยังไงกัน ?? แต่ถ้าใครคนนั้น รับเงินจากคนตี ให้แจ้งกับผู้คนว่า คนถูกตีผิด เราจะไม่แปลกใจเลย เพราะคนแบบนี้ ขายศักดิ์ศรี และคุณธรรมของตัวเอง ด้วยเงิน ไปเสียแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง นายพล กอซิม สุไลมานีย์ ผู้มีบทบาทสำคัญในการปราบไอซิซ ในอิรัค และซีเรีย หลังจากรู้ถึงการกระทำครั้งล่าสุดของ ครอบครัวอาลีคอลีฟะฮ์ ผู้ปกครองบาห์เรน ก็ออกจดหมายเตือน อาลีคอลีฟะฮ์ ทันที นายพล เริ่มจดหมายด้วยนามของพระเจ้า และแจกแจงว่า ที่ผ่านมา ประชาชนของพวกท่านต้องทนถูกพวกท่านกดขี่มาตลอด ทั้งเรื่องสองมาตรฐาน เรื่องการริดรอนสิทธิ เรื่องจับขังคนตามใจชอบ และอื่นๆ หลังจากนั้น นายพล ก็อธิบายว่า ผู้ปกครองประเทศนี้มาถึงจุดนี้แล้ว จุดที่ไร้ศักดิ์ศรี และมองไม่เห็นหัวประชาชนของตนเอง และยังถอนสัญชาติประชาชนตัวเองอีก “ นายพลจบตอนท้ายในจดหมายปิดผนึก ด้วยประโยคที่น่าแปลกใจว่า Red Line คือ การละเมิดสิทธิเชค อีซา กอซิม ถ้าข้ามเส้นนี้แบบไม่แคร์ ก็ระวังประชาชนประเทศของท่าน จะลุกฮือขึ้นมา และถ้ายังพูดกันไม่รู้เรื่องอีก ประชาชนในประเทศคุณ ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจาก หยิบปืน ลุกขึ้นมาต่อสู้กับ เผด็จการอย่างพวกท่าน และถ้ายังรุนแรงกับปชช. ไม่เลิก ไม่ช้าผลกรรมที่ พวกท่านทำกับปชช ของตัวเอง มันจะมาหาในไม่ช้า และมันจะเริ่มจากการนองเลือด และสิ้นสุดลงด้วยการล่มสลายของพวกท่านทั้งหลายนั้นแหละ ฉะนั้น ระวังไว้ให้ดี ระวังตัวเองจะพินาศ
ในทุกสังคมสิ่งที่เรา ไม่ต้องการ คือ ผู้นำที่ฉ้อฉล มิตรสหายที่โง่เขลา และบัณฑิตที่ขายวิญญาณให้กับเงินตรา เรื่องของบาห์เรน เป็นเรื่องการต่อสู้ระหว่างสิทธิของมนุษย์ กับ การละเมิดมนุษย์ มันจะเป็นบทเรียนให้กับพวกเราว่า ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เคยมีผู้ปกครองที่พยายามเอาชนปชช.ของประเทศตัวเอง ด้วยการถอนสัญชาติ และทรมานพวกเขา…..