ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เห็นการโจมตีของผู้ก่อการร้ายหลายแห่งในฝรั่งเศส ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ 700 กว่าคนและทำให้สังคมในตะวันตกและฝรั่งเศสต้องตกอยู่ในสภาพแห่งความหวาดผวา
ในช่วงปีที่ผ่านมาเกิดการโจมตีจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายในฝรั่งเศสมากถึง 10 ครั้ง ทำให้พลเมืองฝรั่งเศสจำนวนมากถูกฆ่าตาย ในรายงานชิ้นนี้จะนำเสนอเหตุการณ์การโจมตีครั้งใหญ่สามครั้งของผู้ก่อการร้ายในประเทศฝรั่งเศสที่มีการกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน โดยมีกลุ่มก่อการร้ายไอซิสเป็นผู้ปฏิบัติการอันนำมาซึ่งความหวาดผวาและความหวาดกลัวให้กับตะวันตกต่อการโจมตี “บ้านของตนเอง”
“ชาร์ลีเอบโด” การล้างแค้นในสไตล์บักดาดี
วันพุธที่ 7 มกราคม 2015 มีคนร้ายอย่างน้อย 2 คน ซึ่งสวมหมวกคลุมศีรษะพร้อมอาวุธครบมือทั้งปืนอาก้าหรือปืนเล็กยาวอัตโนมัติและเครื่องยิงขีปนาวุธบุกกราดยิงสำนักงานหนังสือพิมพ์ชาร์ลีเอบโด ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์แนวเสียดสีรายสัปดาห์ของฝรั่งเศสในใจกลางกรุงปารีสส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ศพ และบาดเจ็บ 22 คน
กลุ่มก่อการร้ายไอซิสออกมารับผิดชอบเหตุการณ์ในครั้งนี้ ซึ่งอ้างว่าเป็นการตอบโต้ที่ที่ดูหมิ่นที่ท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล) บรรดาผู้อยู่ในเหตุการณ์เผยว่า ผู้ก่อการร้ายได้ตะโกนว่า “เราแก้แค้นให้กับท่านศาสดาของเรา”
เหตุการณ์ก่อการร้ายครั้งนี้ได้มีการแสดงปฏิกิริยากันอย่างกว้างขวางทั่วโลกเหล่าบรรดาผู้นำระดับโลก เช่น นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เดวิดคาเมรอนอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Narendra Modi นายกรัฐมนตรีอินเดีย ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีของอเมริกา บารักโอบา บันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ และสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสผู้นำโลกคาทอลิกก็ได้ออกมาประณามเหตุการณ์ครั้งนี้
การแสดงปฏิกิริยาได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และถัดจากนั้นไม่กี่วัน (วันอาทิตย์ถัดมา)ก็ได้มีการเดินประท้วงเพื่อแสดงพลังต่อต้านการก่อการร้ายในกรุงปารีสนครหลวงฝรั่งเศส มีญาติผู้เสียชีวิต ประชาชนจำนวนมากและผู้นำโลกจาก 40 ประเทศเข้าร่วม
การตอบโต้ของฝรั่งเศสต่อการถูกโจมตีจากผู้ก่อการร้ายครั้งนี้ ได้ทำการส่งเครื่องบินรบไปยังประเทศซีเรียเพื่อทิ้งระเบิดในเขตพื้นที่ยึดครองของไอซิส
ประธานาธิบดีฝรั่งเศสก็ได้ออดมาแสดงความมุ่งมั่นของตนที่จะทำการต่อสู้กับการก่อการร้ายในการเข้าร่วมกับพันธมิตรต่อต้านการก่อการร้ายที่นำโดยสหรัฐอเมริกา
การปฏิบัติการก่อการ้ายลูกโซ่ในกรุงปารีส “สงครามสิริมงคลในปารีส”
คืนวันศุกร์ที่ 13 พ.ย. สิบเดือนหลังจากเหตุการณ์กราดยิงสำนักงานหนังสือพิมพ์ชาร์ลีเอบโด เกิดเหตุโจมตีทั้งระเบิดและกราดยิงหลายจุดทั่วกรุงปารีส สร้างความเสียหายจำนวนมากให้กับฝรั่งเศส เหตุการณ์ครั้งนี้ปารีสต้องเผชิญกับการก่อการร้าย 7 จุดในเวลาเดียวกันทำให้พลเมืองเสียชีวิตอย่างน้อย 153 คนและได้รับบาดเจ็บ 200 กว่าคน
การก่อเหตุแบบลูกโซ่และการโจมตีในเวลาเดียวกัน มีทั้งการกราดยิง และการวางระเบิดที่ร้านอาหาร ฮอลล์คอนเสิร์ตและสนามกีฬาในกรุงปารีส เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นเมื่อชายติดอาวุธใช้ปืนไรเฟิลกราดยิงผู้คนที่แออัดในร้านอาหารทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งและได้รับบาดเจ็บเจ็ดคน
ตัวประกันในโรงละครบัตตากลอง ประมาณ 100 คน ที่ถูกกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนพร้อมอาวุธครบมือ และระเบิด ปืนกล ปืนไรเฟิล บุกโจมตีในกรุงปารีส ถูกสังหาร และรายงานเผยว่า ในจำนวนนั้นมีตำรวจถูกฆ่าตายด้วย 11 คน ผู้เห็นเหตุการณ์เผยว่า คนร้ายที่ก่อเหตุเป็นชายหนุ่มที่สวมชุดดำตั้งแต่หัวจรดเท้า
นอกจากนั้นยงมีพลเมืองอีกจำนวนหนึ่งที่เสียชีวิตในการระเบิดฆ่าตัวตายและการโจมตีของกองกำลังติดอาวุธในใจกลางเมืองใกล้กับสนามกีฬาแห่งชาติฝรั่งเศสปารีส สำนักงานอัยการสูงสุดฝรั่งเศสเผยว่า ในการโจมตีปารีสกลุ่มก่อการร้ายสุดโต่งแปดคนถูกฆ่าตาย ซึ่งเจ็ดคนของพวกเขาเป็นมือระเบิดพลีชีพ
เหตุการณ์ครั้งนี้เหมือนกับเหตุการณ์กราดยิงสำนักพิมพ์นิตยสารชาร์ลีเอบโด โดยกลุ่มก่อการ้ายไอซิมาออกรับผิดชอบ และเรียกการโจมตีครั้งนี้ว่า “สงครามแห่งความสิริมงคลในปารีส”
เหตุการณ์นีซ “11 กันยา ของฝรั่งเศส”
เช้าวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ประวัติศาสตร์ได้จารึกเหตุการณ์ก่อการร้ายครั้งใหญ่ครั้งที่สามในฝรั่งเศส เมื่อคนร้ายขับรถบรรทุกขนาดหนัก 19 ตันพุ่งชนฝูงชนที่ชมการแสดงดอกไม้ในวันชาติฝรั่งเศสในเมืองนีซ ซึ่งการให้การของตำรวจมีผู้เสียชีวิตมากถึง 84 คนและได้รับบาดเจ็บอีก 130 กว่าคน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ผู้ก่อการร้ายได้เช่ารถบรรทุกมานานพอสมควรมาแล้ว และได้ขับบนถนนเลียบชายหาดเป็นระยะทางยาวกว่า 2 กม. ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีการเฉลิมฉลองวันชาติ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงคนร้ายเสียชีวิต และมีการกล่าวว่ารถบรรทุกดังกล่าวได้บรรทุกวัตถุระเบิด
ไอซิสออกมารับผิดชอบเหตุการณ์ในครั้งนี้ และเรียกการปฏิบัติการครั้งนี้ ว่า “การแก้แค้นให้ซีเรีย” และ “11 กันยาของฝรั่งเศส”
“กลุ่มก่อการร้ายดีและไม่ดี” และผลลัพธ์ของมันในซีเรียและ “ส่วนอื่นๆของโลก”
การปฏิบัติการก่อการร้ายสามครั้งในประเทศฝรั่งเศสทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 250 คน และได้รับบาดเจ็บ 350 กว่าคน ทำให้สังคมยุโรปและฝรั่งเศสต้องตกอยู่ในความตกใจอีกเป็นเวลานาน ในเรื่องนี้มีการแสดงปฏิกิริยาที่แตกต่างกันในฝรั่งเศส หนึ่งในนั้นอาจจะมีการโจมตีชาวมุสลิมเพิ่มมากขึ้น หลังจากการที่ไอซิสได้ก่อเหตุการณ์ก่อการร้ายในครั้งนี้ ในประเด็นเดียวกันนี้เอง ในอนาคตในอันใกล้ก็จะเกิดวงจรของความรุนแรงและความเกลียดชังที่เพิ่มขึ้น และจะเป็นปัจจัยแห่งความเกลียดชังต่อเยาวชนมุสลิมในฝรั่งเศสและผู้อพยพชาวอาหรับ
แต่สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสำคัญในเรื่องนี้คือทุกครั้งที่เกิดเหตุโจมตีในฝรั่งเศส บรรดาเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสก็จะออกมาประณามและส่งเครื่องบินปฏิบัติการโจมตีกลุ่มก่อการร้ายไอซิสทางอากาศเหนือดินแดนซีเรีย ในขณะที่ตะวันตกและอเมริกาก็ออกมาอ้างว่าพวกเขากำลังต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายในซีเรียอย่างโดดเดียว (แต่ทั้งนี้ความจริงจังของพวกเขาในการต่อสู้และปราบปรามก่อการร้ายไอซิสนั้นยังเป็นที่สงสัย) แต่ในเวลาเดียวกันเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าผู้ก่อการร้ายบางกลุ่มได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา มีการส่งมอบอาวุธ เงินและให้การฝึกอบรมแก่พวกเขา มันเป็นที่ชัดเจนว่ามีประเทศใดบ้างที่ให้การฝึกสอนหรือให้การสนับสนุนพวกเขา หรือยอมจำนนและเข้าร่วมกับไอซิส และอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมดก็ได้มอบให้การไอซิสและกลุ่มอันนุศรา ฟรอนด์
ในเวทีระดับนานาประเทศก็ยังเห็นการสนับสนุนของกลุ่มเหล่านี้มีต่อกลุ่มต่อต้านระบอบการปกครองซีเรีย และแทนที่จะให้การสนับสนุนรัฐบาลที่เห็นชอบและถูกต้องหลักกฎของกฎหมายแล้วกลับให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายเพื่อโค่นล้มรัฐบาล มันดูเหมือนว่าตะวันตกยังไม่เข้าใจและยังไม่เชื่ออีกว่า การบั่นทอนอำนาจและสร้างความอ่อนแอให้เกิดขึ้นกับรัฐบาลซีเรียนั้น มันหมายถึงการเพิ่มอำนาจให้กับผู้ก่อการร้าย ซึ่งไฟที่พวกเขาจุดขึ้นมาในซีเรียนั้นจะคืนกลับคืนสู่พวกเขาเองอย่างแน่นอน ดั่งที่เราเห็นสิ่งนี้ที่กำลังเกิดขึ้น
ในวันนี้ ดั่งที่บาชาร์อัลอัสซาดได้กล่าวในช่วงต้นๆที่เกิดภาวะวิกฤตซีเรียว่า ผู้ก่อการร้ายจะกลับคืนสู่บรรดาผู้สนับสนุนพวกเขา และวิธีเดียวที่จะสามารถออกจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้คือการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังในการต่อสู้กับการก่อการร้าย”ทั้งการก่อการร้ายดีและไม่ดี” ในซีเรียและอิรัก และบรรดาประเทศที่เข้าร่วมกับพันธมิตรในการต่อสู้กับการก่อการร้ายจะต้องเปลี่ยนนโยบายในการทำสงครามกับการก่อการร้ายในซีเรีย เพื่อที่จะไม่เห็นเมืองหลวงของตัวเองตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มผู้ก่อการร้ายอีกต่อไป …..
แปลจาก http://goo.gl/hSLjUm