ปฏิบัติการชั่วกลุ่มก่อการร้าย เมื่อวานฝรั่งเศส… วันนี้เยอรมัน…แล้วพรุ่งนี้ …. ?

1684

sputniknews  –    ดูเหมือนว่าการโจมตีของกลุ่มการก่อการร้ายบนโลกใบนี้ไม่อาจจะไม่สิ้นสุดลง   ในขณะที่โลกกำลังพยายามที่จะมุ่งเป้าไปยังเหตุการณ์หนึ่งที่ถูกโจมตีจากกลุ่มก่อการร้าย ก็เกิดการโจมตีครั้งที่สอง สาม สี่ และ… ติดตามมาในทันที  ผู้กุมบังเหียนทั้งหมดของกลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้จะเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับประเทศหนึ่ง นั่นคือรัฐบาลที่อเมริกาพยายามจะนำเสนอว่าเป็นประเทศเรียกร้องความสันติ โดยมีการปิดบังและเซนเซอร์รายงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 11 กันยายน

เมื่อผู้ก่อการร้ายได้รับการสนับสนุนจากประเทศหนึ่ง และประเทศที่ให้การสนับสนุนการก่อการร้ายเนื่องจากมีเปโตรดอลลาร์ (petrodollars) ที่ยังคงอยู่ในชายขอบแห่งการคุ้มกัน แม้แต่ในระดับของสหประชาชาติและองค์กรสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมที่เกี่ยวข้องก็ยังคงเป็นเกราะคุ้มกันให้พวกเขา  ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าผู้ก่อการร้ายเหล่านี้จึงไม่เกรงกลัวอะไรใดๆ ทั้งสิ้นในการปฏิบัติการก่อการร้าย

ในวันนี้มันจะไม่เป็นความลับอีกต่อไปว่ากลุ่มก่อการร้ายต่างๆ ที่มีเสียงอื้อฉาวในโลกนั้นมีความเกี่ยวข้องกับโรงเรียนของลัทธิวะฮาบีและซาอุดีอาระเบียอย่างชัดเจน นับจากลุ่มต่างๆ ของชาติอาหรับ เช่น กลุ่มก่อการร้ายไอซิส  กลุ่ม MKO ของอิหร่านล้วนได้รับเงินสนับสนุนจากซาอุดิอาระเบียทั้งสิ้น

ขั้นตอนแรกในการยับยั้งการก่อการร้ายคือการทำความเข้าใจ รู้จัก และจัดการกับรากเหง้าของการก่อการร้าย  มิฉะนั้นถ้าไม่สามารถทำลายล้างรากเหง้าของการก่อการร้ายได้ ก็จะไม่มีวิธีใดๆ ที่สามารถจะจัดการกับมันได้
ที่อิหร่านสามารถเผชิญหน้ากับการก่อการร้ายเหล่านี้ได้ก็เพราะอิหร่านรู้จักรากเหง้าและแหล่งที่มาของการก่อการร้ายและไม่ปล่อยให้พวกเขาได้เคลื่อนไหว

เป็นที่น่าเสียดายว่าในยุโรป เนื่องจากเกิดปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจ บางชาติในยุโรปจึงแสดงพฤติกรรมเหมือนกับสหรัฐอเมริกา  ช่วงเวลาที่พวกเขาต้องทำการปราบปรามกับกลุ่มก่อการร้ายอย่างจริงจังแต่กลับปิดหูปิดตา  และจะพยายามเปิดตาของตนเองให้สว่างขึ้นเมื่อเห็นผลประโยชน์ของดอลลาร์หรือบางทีอาจจะกล่าวคำที่ดีกว่านี้ คือ เปโตรยูโร

กลุ่มก่อการร้ายเช่นไอซิสจะสามารถดำเนินการและเคลื่อนไหวในการโจมตีได้เมื่อมีสภาพเงื่อนไขที่สังคมโลกเกิดความเกลียดชัง หากชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในประเทศยุโรปสามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายและสามารถเข้าสู่สังคมได้นั้น พวกเขาก็จะไม่หันไปให้ความร่วมมือกับกลุ่มหัวรุนแรงอย่างแน่นอน  ด้วยเหตุนี้จึงจะต้องสร้างสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาให้สังคมมีทัศนคติเชิงลบต่อชาวมุสลิมและเพื่อให้เยาวชนมุสลิมในยุโรปรู้สึกโดดเดี่ยวในสังคมจึงหันหน้าเข้าร่วมกับกลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มสุดโต่ง

เห็นได้ชัดว่าในประเด็นนี้อิมามนำนมาซและผู้อำนวยการสถาบันและโรงเรียนของลัทธิวะฮาบีที่ได้รับเงินเดือนจากซาอุดิอาระเบีย มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้

อาบูมูซาบ อัลซูริ  หนึ่งในเจ้าของทฤษฎีของกลุ่มก่อการร้ายญฮาดีซาลาฟี (Jihadi Salafi)  ได้เขียนในหนังสือของเขา  ชื่อ “การเชิญชวนสู่การญิฮาด”  โดยเขียนเล่าความทรงจำของตนเองว่า  เมื่อสงครามในอัฟกานิสถานสิ้นสุดลงและสหภาพโซเวียตถอนตัวออกจากอัฟกานิสถาน บรรดานักรบอาหรับอัฟกานิสถานเห็นว่าภารกิจของพวกเขาเสร็จสิ้นลงแล้วจึงได้ตัดสินใจที่จะกลับไปยังประเทศบ้านเกิดของตน  ซึ่งหลังจากการกลับมาของของหน่วยทหารราบชุดแรก ก็ได้พบว่าหน่วยงานความมั่นคงในประเทศของพวกเขากำลังติดตามตัวพวกเขาอยู่ เพื่อบังคับให้เข้าร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงและหากไม่ให้ความร่วมมือก็จะถูกขังคุกหรือลงโทษประหารชีวิตในข้อหาที่พวกเขาสร้างขึ้นมา ส่วนหน่วยทหารชุดที่สองแทนที่จะกลับประเทศของตนก็กลับเดินทางไปยังประเทศยุโรป โดยเฉพาะอังกฤษ  เนื่องจากในสถานที่ดังกล่าวจะสามารถดำเนินการที่อิสระและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในฐานะผู้ลี้ภัย

หลังจากนั้นไม่นานหน่วยงานสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกาและยุโรปก็ได้ติดต่อพวกเขา  และก็พยายามที่จะดึงพวกเขาให้เป็นสมาชิกและแนวร่วมด้วยวิธีการต่างๆ นานา  แต่ส่วนใหญ่ไม่ยอมให้ความร่วมมือด้วย จึงมีการหลบหนี  ซึ่งไม่สามารถหาบรรดาบุคคลที่หลบหนีเหล่านี้ได้เพื่อสานต่อในการญิฮาด ในฐานะที่เป็นหน่วยปฏิบัติการชุดแรกในการปฏิบัติการโจมตีเมื่อยามจำเป็น  และคาดว่าในช่วงที่ไม่เจอพวกเขานั้นก็จะพยายามสร้างชนรุ่นใหม่เพื่อการทำญิฮาด  ในสมัยนั้นผู้เขียนหนังสือเล่มดังกล่าวยังเป็นหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์  จากนั้นมีการส่งสมาชิกเครือข่ายไปยังประเทศต่างๆ  และจากนั้นก็ได้เกิดกลุ่มไอซิส อัลนุศรา ฟรอนด์ และกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆตามมา  แต่ทว่าเซลล์ต้นกำเนิดก่อการร้ายยุคต้นๆ ก็ยังอยู่ในประเทศยุโรป

ด้วยเหตุนี้สามารถกล่าวได้ว่ายุโรปเป็นผู้เปิดประตูให้กับม้าโทรจันกลุ่มก่อการร้ายเข้าสู่แผ่นดินยุโรป  และลูกงูที่พวกเขาเลี้ยงมาด้วยเลือดก็ถึงเวลาที่จะออกมาฉกหน้าผู้คน

ครั้นที่กลุ่มซะลาฟีสุดโต่ง นั่นคืออัลกออิดะห์ ปรากฏตัวในอังกฤษ  ครั้นที่กลุ่มก่อการร้ายสามารถโจมตีประชาชาติอิหร่านนับพันครั้ง  และสามารถโจมตีฝรั่งเศสอย่างง่ายดาย ในเยอรมันและอังกฤษ และ…. อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากชาติเหล่านี้มาโดยตลอด  ซึ่งแน่นอนยิ่งงูพิษดังกล่าวเมื่อมีใครเหยียบหางมันแล้วมันก็จะไม่รู้จักใคร มันจะหันมากัดและฉกไม่เลือกหน้าแม้แต่เจ้าของที่เลี้ยงมันก็ตาม

จะมีแต่ประชาชนผู้บริสุทธิ์เท่านั้นที่ต้องตกเป็นเหยื่อและได้รับความสูญเสียจากกลุ่มก่อการ้ายและผู้สนับสนุน  โดยเฉพาะประชาชนชาวยุโรปในวันนี้ที่ต้องถูกสังเวยความกระหายเลือดของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสเกือบทุกเดือน

ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือที่ประเทศยุโรปที่จะคิดในการให้ความร่วมมือกับพันธมิตรในการปราบปรามผู้ก่อการร้ายในภูมิภาคอย่างจริงจัง เพื่อทำลายล้างและขุดรากถอนโค่นกลุ่มก่อการร้ายให้สิ้นซาก  ในวันนี้ข้อมูลการข่าวที่สำคัญของกลุ่มก่อการร้ายอยู่ในมือของหน่วยงานความมั่นคงของซีเรีย อิหร่านและกองกำลังต่อสู้ปกป้องตนเอง

ดังนั้นชาติยุโรปจำต้องร่วมมือกับกองกำลังปกป้องตนเองในการกำจัดรากเหง้าของกลุ่มก่อการร้ายให้สิ้นซาก  หากมิฉะนั้นแล้วก็คงต้องรอการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายครั้งใหม่อยู่ตลอดเวลา  ไม่วันนี้ ก็พรุ่งนี้ และไม่รู้ว่าชาติใดจะเป็นเหยื่อรายต่อไป …..

แปลจาก http://ir.sputniknews.com/opinion/20160723/1738682.html