alalam – 21 สิงหาคม ค.ศ.1969 ครบรอบวันที่มัสยิดอัลอักซอถูกวางเพลิงโดยชาวไซออนิสต์
ประมาณครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา หมายถึงเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ.1969 มัสยิดอัลอักซอ (ซึ่งเป็นกิบลัตแรกของชาวมุสลิมและเป็นหนึ่งในสถานที่ประกอบอิบาดะฮ์ ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่ง และเป็นที่เคารพเทิดทูนของทุกศาสนาแห่งฟากฟ้า) ได้ถูกเผาโดยชาวไซออนิสต์ ชื่อว่า ไมเคิลเดนนิส ทำให้มัสยิดอักซอส่วนหนึ่งได้รับความเสียหาย
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้อาคารของมัสยิด 1,500 ตารางเมตรจากจำนวน 4400 ตารางเมตรถูกไฟไหม้หวอด สร้างความเสียหายต่อเสามัสยิดหลายต้นอีกทั้งและร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ และเสาหลักของโดมต้องทรุดตัวลงมา
นอกเหนือไปจากความเสียหายดังกล่าวแล้วยังได้สร้างความเสียหายต่อโดมด้านใน มิห์รอบ และผนังทางทิศใต้ของมัสยิดอักซอ
หน้าต่าง 48 แตกกระจาย พรมและของประดับตกแต่งจำนวนมากและสำเนาของคัมภีร์อัลกุรอานหลายสิบฉบับตกลงบนกองไฟ
เจ้าหน้าที่ยิวไซออนิสต์ได้ทำการจับกุมตัวมือลอบวางเพลิงดังกล่าวเพื่อแสดงถึงความผิดรอบชอบในการกระทำที่เป็นเรื่องอัปยศครั้งนี้ และอ้างว่าเขามีปัญหาทางจิตจึงส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาล และหลังจากนั้นไม่นานก็ถูกส่งกลับไปยังออสเตรเลีย
สองเดือนหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการจัดประชุมในโมร็อกโกโดยการเข้าร่วมของบรรดาผู้นำรัฐบาลอิสลาม แต่ในการประชุมครั้งนี้กษัตริย์ชาฮ์แห่งอิหร่านซึ่งเป็นพันธมิตรกับอิสราเอลไม่ได้กล่าวถึงเกี่ยวกับการถูกเผาของมัสยิดอัลอักซอแต่อย่างใดเลย
จากการดำเนินการดังกล่าวนี้ได้เผชิญกับปฏิกิริยาตอบโต้ที่รุนแรงจากโลกอิสลาม เกิดการเดินประท้วงประณามอิสราเอลในประเทศต่างๆ
การจัดตั้งองค์กร OIC ก็เป็นหนึ่งในผลกระทบที่เกิดจากการก่ออาชญากรรมดังกล่าวและปฏิกิริยาของประเทศอิสลาม
สืบเนื่องจากการที่มุสลิมทั่วทั้งโลกออกมาประณามเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีมติออกกฎข้อที่ 271 พร้อมกับประณามการกระทำในครั้งนี้ และเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการทั้งหมดของระบอบการปกครองไซออนิสต์ที่มีต่ออัตลักษณ์ของเยรูซาเล็มและให้ปฏิบัติตามมติของอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมายต่างประเทศในเขตพื้นที่ยึดครอง
แต่ขณะเดียวกันการกระทำของระบอบการปกครองยิวไซออนิสต์ที่มีต่อมัสยิดอัลอักซอก็ยังคงมีอยู่จนถึงวันนี้และระบอบการปกครองยิวไซออนิสต์มีการจัดระบบในการส่งชาวยิวเข้าไปเขตบริเวณ มัสยิดอัลอักซอทุกวัน อีกทั้งการขุดเจาะอุโมงค์อย่างต่อเนื่องภายใต้และรอบ ๆ มัสยิดอัลอักซอเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ยาวนานและสูงสุดของพวกเขา คือการทำลายมัสยิดอัลอักซออย่างสมบูรณ์แบบและสร้างโบสถ์แห่งที่สามตามที่กล่าวอ้างมาแทนที่
อนึ่ง ในปี ค.ศ.2002 ในระหว่างการประชุมของบรรดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของประเทศสมาชิกOIC (57 คน) ครั้งที่ 30 ณ กรุงเตหะราน โดยการเสนอของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน โดยกำหนดให้วันที่มัสยิดอัลอักซอถูกเผาโดยไซออนิสต์ (21 สิงหาคม)นั้น เป็น “วันมัสยิดโลก”