สื่อโลกอาหรับสะท้อน “สาส์นฮัจญ์” ครั้งสำคัญของผู้นำสูงสุดอิหร่าน

1653

สาส์นฮัจญ์ของผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ส่งให้กับบรรดาผู้แสวงบุญ เนื่องในวาระครบรอบเหตุการณ์แห่งโศกนาฏกรรมที่มินาและมักกะฮ์  ทำให้สื่อโลกอาหรับมีการสะท้อนข่าว “สาส์นฮัจญ์” ในสื่อโชเชียลมิเดียต่างๆอย่างแพร่หลาย  โดยเฉพาะในอิรัก เลบานอน  อียิปต์ และซีเรีย

สถานีโทรทัศน์และวิทยุในภูมิภาคต่าง เว็บไซด์ หนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆในโลกออนไลน์ต่างมีการสะท้อนข่าว สาส์นฮัจญ์จากผู้นำสูงสุดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเปิดโปงบทบาทของซาอุดิอาระเบียในการก่อโศกนาฏกรรมที่มินา
เว็บไซด์ ภาษาอาหรับ อัลอะฮด์  โพสต์หัวข้อข่าวว่า “  พฤติกรรมของซาอุดิอาระเบียที่มีต่ออิสราเอลและอเมริกานั้น คือความอัปยศสำหรับโลกอิสลาม”  จากนั้นได้สะท้อนประโยคคำพูดของผู้นำการปฏิวัติอิสลามที่ได้ประณามเหตุการณ์ที่มินาและเครนยักษ์ถล่มในลานฏอวาฟ ในมัสยิดุลฮะรอม

เว็บไซด์ ภาษาอาหรับ อัลอะฮด์   ได้นำเสนอตัวบทของสาส์นดังกล่าว พร้อมกับเขียนว่า   ผู้นำการปฏิวัติอิสลามอิหร่านเรียกร้องมวลมุสลิม ว่า ควรระดมความคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับการบริหารจัดการสถานี่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองแห่งและประเด็นฮัจญ์ เพราะการไม่ให้ความสำคัญกับหน้าที่นี้จะทำให้อนาคตของประชาติอิสลามต้องเผชิญกับปัญหาและโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่และน่าเจ็บปวดกว่าเหตุการณ์ในมินา

เว็บไซด์หนังสือพิมพ์  อัลนัชรอฮ์ เลบานอน  นำเสนอสาส์นฮัจญ์จากผู้นำการปฏิวัติอิสลาม และเขียนหัวข้อข่าวว่า  ซาอุดิอาระเบียถือว่าการคงอยู่ในอำนาจและบัลลังก์นั้น จะต้องคอยให้การปกป้องมหาอำนาจผู้อหังการ

สถานที อัลมะยาดีน เลบานอน  อ้างจากคำพูดของผู้นำการปฏิวัติอิสลาม และเขียนว่า  การคงอยู่ของซาอุดิอาระเบียต้องชดใช้บุญคุณด้วยการปกป้องมหาอำนาจผู้อหังการโลก

เว็บไซด์อียิปต์ อาหรับ 24   โพสต์หัวข้อข่าวว่า “ ผู้ปกครองซาอุดิอาระเบียไม่ศรัทธาพระองค์ และสังหารบรรดาผู้แสวงบุญ”  และนำเสนอประโยคคำพูดของผู้นำการปฏิวัติอิสลามว่า ในเมื่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ตกอยู่ในมือพันธมิตรของยิว ยิวที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของอิสลาม ราชวงศ์ซาอุฯ ได้ใช้หน่วยสอดแนมของสหรัฐฯ และไซออนิสต์ทำลายความปลอดภัยแห่งบ้านของพระเจ้า ได้ทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้กลายเป็นที่เชือดพลีเหล่าพี่น้องมุสลิม ทำให้เกิดการครหาและหมิ่นเกียรติบ้านของพระองค์

รัฐบาลและประชาชาติมุสลิมทั้งหลายของโลกอิสลามในวันนี้ จำต้องทำความรู้จักกับเนื้อแท้ของเหล่านักปกครองซาอุฯ อย่าได้ปล่อยมือออกจากคอเสื้อของพวกเขาเหล่านี้ที่ก่ออาชญากรรมไว้ทั่วโลกอิสลาม และควรระดมความคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับการบริหารจัดการสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และประเด็นฮัจญ์ เพราะการไม่ให้ความสำคัญกับหน้าที่นี้จะทำให้อนาคตของประชาติอิสลามต้องเผชิญกับปัญหาและโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่และน่าเจ็บปวดกว่าเหตุการณ์ในมินา

http://fa.alalam.ir/news/1858567
http://www.jamnews.ir/detail/News/713283