มองเรื่อง”ข่าวลือ” ผ่าน อัลกุรอ่าน

1660

ลองนึกถึง”ข่าวลือ”สักเรื่องที่เกี่ยวกับ ตัวคุณ ผู้คนรอบข้างและสังคมของคุณและคุณรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่อง จริงเลย และดูเหมือนว่า บางครั้งหลายๆคน  กลับเชื่อ ข่าวลือ มากกว่าความจริง ข่าวลือพวกนี้มันคืออะไร มันทำงานอย่างไร มีจุดประสงค์เพื่ออะไร และเราควร รับมือกับมันอย่างไร ลองมาดูคำอธิบายในบทความนี้

ยุคสมัยปัจจุบันเป็นยุคที่ข้อมูลจำนวนมหาศาล ไหล่บ่ามาสู่สังคมของเราทุกวี่วัน เราถูกเลือกให้รับรู้ หรือเลือกที่จะรับรู้ในบางข้อมูล จำนวนที่มากของมันทำให้เราไม่สามารถรู้ได้ทั้งหมด  แต่สิ่งที่แฝงมากับข้อมูลเหล่า นี้ บางครั้งมันก็เป็น”ข่าวลือ” บางทีมันก็เป็น”ข่าวลวง” การเชื่อในเรื่องเหล่านี้ ส่งผลร้ายมากกว่าที่เราคิด จนบางครั้งผลของมันนำมาสู่การตัดสินชีวิตของผู้คน จึงขอสะท้อน”ข่าวลือ”ในทัศนะของอัลกุรอ่าน

ก่อนอื่นต้องมานิยามกันก่อนว่าข่าวลือหมายถึงอะไร ?

ข่าว ลือหมายถึง ” ข่าวเฉพาะ ที่ถูกเสนอให้คนกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เชื่อ โดยการเผยแพร่จากคนหนึ่ง สู่อีกคนหนึ่ง แม้จะยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าจริงหรือเท็จ”

ใน อัลกุรอ่านคุณจะเห็นว่า เหยื่อของข่าวลือ มักเป็นบรรดาศาสดา ผู้ทรงธรรมและคนดีเสมอ ซึ่งในบางกรณี ข่าวลือถูกสร้างจากศัตรู และบางกรณี เขาลือก็เกิดจากความเข้าใจผิดของมิตรที่โง่เขลา  จนบางครั้งมีปัญหาต่างๆ มากมายเกิดขึ้นกับศาสดา ความรวดเร็วของข่าวลือถูก กระจาย เหมือนไฟลามป่า คุณจะสังเกตเห็นว่า ตั้งแต่ช่วงแรกของการเผยแพร่ ของแต่ละศาสดา มักจะมีกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้น และสร้างข่าวหรือให้พวกเขา ว่าเป็นคนบ้าบ้าง เป็นคนบ้าอำนาจบ้าง เป็นคนหลงผิดบ้าง เป็นคนเล่นไสยศาสตร์บ้าง ลองมาดูตัวอย่างนี้กัน

ศาสดานุฮ (อ) ถูกกล่าวหาว่า “บรรดาชนชั้นนำในหมู่ประชาชนของเขา ได้กล่าวว่า แท้จริงเราเห็นท่านอยู่ในความหลงผิดอันชัดแจ้ง” [อะอรอฟ :60] นุฮ(อ)ถูกพิพากษาให้เป็นคนหลงทางเป็นคนหลงผิด โดยชนชั้นนำ นับตั้งแต่วันแรก เช่นเดียวกัน ท่านยังถูก กล่าวหาอีกว่า แล้วหัวหน้าของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่ชนของเขาได้กล่าวขึ้นว่า “เขาผู้ที่มิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นปุถุชนคนธรรมดาเช่นเดียวกับพวกท่านเพียงแต่เขาต้องการที่จะทำตัวให้ดีเด่นเหนือพวกท่าน และหากอัลลอฮ์ ทรงประสงค์แล้ว แน่นอนพระองค์จะทรงส่งมะลาอิกะฮ์ลงมา เราไม่เคยได้ยินคำพูดเช่นนี้ในสมัยบรรพบุรุษของเราแต่กาลก่อนเลย เขามิได้เป็นอะไรนอกจากเป็นคนบ้า ดังนั้นพวกท่านจงอดทนคอยเขาสักระยะเวลาหนึ่ง [มุอมินูน : 24-25] 2 โองการนี้เสนอให้เห็นว่าในยุคนั้น ศาสดาท่านนี้ ถูกทำให้เป็นข่าวในฐานะของคนบ้า คนอยากเด่นอยากดี คนที่ไม่มีอะไร นับเป็นการให้ร้ายที่รุนแรงในแบบทำลาย “สถานะของเหยื่อ”

ในตัวอย่างที่ 2 ลองดูเรื่องราวของ ชนชาติศาสดาฮู๊ด(อ) พวกเขาได้เผยแพร่แนวคิดที่ว่าศาสดาท่านนี้ คือคนโง่เขลาเบาปัญญา คือคนโกหกหลอกลวง ดังที่อัลกุรอ่านได้ระบุไว้ว่า “บรรดาชนชั้นนำที่ปฏิเสธการศรัทธาในหมู่ประชาชาติของเขาได้กล่าวว่า แท้จริงเราเห็นท่านอยู่ในความโฉดเขลา และแท้จริงพวกเราแน่ใจว่าท่านนั้นเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้มุสา”

เช่นเดียวกัน มูซา ถูกเสนอภาพลักษณ์ให้สังคมในนามของ คุณไสย พ่อมด หมอผี คนโกหก และคนบ้า ดังที่อัลกุอ่านระบุดังนั้น เมื่อมูซาได้มาหาพวกเขาพร้อมด้วยสัญญาณทั้งหลายอันชัดแจ้งของเรา พวกเขากล่าวว่า “มันมิใช่อะไรอื่น นอกจากเวทมนตร์ที่ถูกกุขึ้น และเราไม่เคยได้ยินข้อกล่าวอ้างเช่นนี้ในสมัยบรรพบุรุษของเราแต่กาลก่อนเลย”[กิศอศ:36]  และ ตัวอย่าง อื่นๆ ใน ซูเราะฮ อิสรออฺ:101 นัมล์:13 ซาริยาต :39  ตัวอย่างที่สาม ศาสดาชุเอ๊บ(อ) ถูกหาว่า เป็นคนโกหก  คนเล่นของ ในซูเราฮ ชุอารออฺ 185-186

ในยุคต้นประวัติศาสตร์อิสลาม ปัญหาเรื่องข่าวลือ ก็เป็นเรื่องยุ่งยาก และสร้างความเดือดร้อนให้กับศาสดาและบรรดามุสลิมเช่นเดียวกัน สังคมอิสลามบางส่วนในยุคนั้น ต้องเผชิญกับวิกฤต สองแง่สองง่าม ลังเล สงสัย  และความอ่อนแอ อาจจะพูดได้ว่ายุคของศาสดามูฮัมหมัด(ศ) เป็นยุคที่มีข่าวลือเกิดขึ้นมากที่สุด ในแต่ละยุคสมัยของศาสดาก็ว่าได้ เพราะทุกอย่างที่ศาสดาองค์ก่อนก่อนถูกหาว่าไม่ดี มันถูกนำมารวมกันแล้วโยนให้กับศาสดาของอิสลาม  อัลกุรอ่าน หยิบเหตุการณ์นี้มาเป็นตัวอย่างว่า “เช่นนั้นแหละ ไม่มีร่อซูลคนใดมายังบรรดา (หมู่ชน) ก่อนหน้าพวกเขา เว้นแต่พวกเขากล่าวว่าเป็นนักเล่นกลหรือคนบ้า [ซาริยาต : 53]

ข่าวลือ ในยุคสมัยของศาสดามูฮัมมัด ที่ถูกบันทึกไว้ในอัลกุรอ่าน มีดังนี้

-การสร้างข่าวลือว่า ศาสดา (ศ) เป็น คุณไสย และ นักกวี [อัมบียา :5 และซอฟฟาต : 36

-การสร้างข่าวลือว่าทรยศ หลังจากนั้นโองการ 161 อาลีอิมรอน จึงถูกประทานลงมา

-การสร้างข่าวลือว่า ท่านไม่ยุติธรรม เรื่องนี้ถูกเอ่ยถึงใน ซูเราะฮ์ เตาบะฮ์ : 58

-การสร้างข่าวลือว่า ท่านเป็นคนเชื่อคนง่าย [เตาบะ :61]

-การสร้างข่าวลือว่า ศาสดา เสียชีวิต เพื่อให้ทหารเสียขวัญ ในสงครามอุฮู้ด เรื่องนี้ระบุในบท อาลีอิมรอน 144-146

-การสร้างข่าวลือว่า กองทัพอิสลามแพ้ศึกในสงครามตะบู๊ก [เตาบะ 38 ]

ผู้ สร้างข่าวลวง และข่าวลือ มักจะจัดอยู่ในกลุ่มจำพวก ศัตรู คนกลับกรอก คู่แข่ง หรือบางครั้งก็เป็นคนโง่ เสมอ และผู้เผยแพร่ข่าวลือ มักจะเป็น ศัตรู คนโง่ คนสองหัวใจ คนเชื่อคนง่าย เสมอ

ข่าวลือเหล่านี้ ประกอบไปด้วย 4 สายจึงจะดีดให้ดังได้ คือ
-การสร้างเรื่อง
-การสร้างอารมณ์
-การสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น
– การทำลายความสงบ

ถ้ามีข่าวอะไร และมีสาย 1 สายใดหรือครบทั้ง 4 สายในเรื่องข่าวนั้น มีคนเดือดร้อน มีเรื่องที่ยังไม่แน่นอนว่าจริงหรือเท็จ ความสงบมันหายไป ความรุนแรงเข้ามาแทนที่ ก็ให้สงสัย ไว้ก่อนได้เลยว่า นี่อาจจะเป็นข่าวลือ หรือมีแนวโน้มว่าจะเป็นข่าวลือ

ส่วนเป้าหมายของข่าวลือ  ผมขอสรุปไว้ดังนี้
– ทำลายภาพลักษณ์ของเหยื่อ
– กลั่นแกล้งรังแกบุคคล สร้างความเสียหายเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น
่-กระตุ้นและยั่วยุให้เกิดความรุนแรง
-สร้างความแตกแยกและการแบ่งพรรคแบ่งพวก
-สร้างมุมมองในแง่ร้าย
-ทำลายขวัญและจิตวิญญาณของกลุ่มเป้าหมาย
-แสวงหาผลประโยชน์จากการเผยแพร่ข่าวลือ

ส่วนปัจจัยที่ทำให้คนเชื่อข่าวลืิอ ผมสรุปไว้ใน 5 ข้อด้วยกันคือ
1 ใช้ความเกลียด และความรักของ ผู้บริโภคข่าว
2 มีการผสมกันระหว่างเรื่องที่เป็นข่าวลือกับเรื่องจริงอยู่
3 การเชื่อคนง่ายของผู้บริโภคข่าว
4 การคาดคะเนถึงความถูกต้องของข่าวลือ ขาดความรู้ และไม่สามารถเข้าถึงข้อเท็จจริงของข่าวลือนั้น
5 การมองโลกในแง่ร้าย

วิธีการรับมือ กับข่าวลือ ตามที่ พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานได้แนะนำ

(يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِنْ جَاءَكُمْ فَاسِقٌ بِنَبَإٍ فَتَبَيَّنُوا أَنْ تُصِيبُوا قَوْمًا بِجَهَالَةٍ فَتُصْبِحُوا عَلَىٰ مَا فَعَلْتُمْ نَادِمِينَ)
“โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย ! หากคนชั่วนำข่าวใดๆ มาแจ้งแก่พวกเจ้า พวกเจ้าก็จงสอบสวนให้แน่ชัด หาไม่แล้วพวกเจ้าก็จะก่อเคราะห์กรรมแก่พวกหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แล้วพวกเจ้าจะกลายเป็นผู้เสียใจในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไป” [ฮุญุรอต:6]

-โองการ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การจะพิจารณา ว่า อะไรคือเรื่องจริงอะไรคือเรื่องเท็จ ให้ดูว่าคนพูดคือคนที่ ยุติธรรม หรือเป็นพวกกดขี่ เป็นพวกละเมิดฝ่าฝืน ? ถ้าเรายังหาไม่ได้ว่าใครเป็นผู้พูดและผู้พูดมีสถานะ ความซื่อสัตย์อย่างไร ก็ควรชั่งไว้ในใจก่อน

– หากผู้พูดเป็นคนละเมิด คนผิด คนเลว ก็ให้ตรวจสอบเสียก่อน ว่าเรื่องที่ คนไม่ดีคนนี้พูดมีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน

-ตะบัยยุน ในโองการ หมายถึงการแยก หรือการทำให้สว่างหรือการตรวจสอบ ข้อเท็จจริง เรื่องใดเรื่องหนึ่ง แบบที่ไม่มีความสงสัย แคลงใจใดๆหลงเหลืออีก

-โองการ ยังได้ให้หลักการกับเรา ว่า จะต้องไม่ยอมรับข่าวใดๆจากบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ ตราบใดที่มันยังไม่กระจ่างชัด จะต้องไม่ยอมจำนนให้ข่าวลือหรือตกเป็นเหยื่อและเครื่องมือ แต่จะต้องทำการสืบค้นหาความจริง และคนฉลาด จะต้อง รับข่าวสารจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือเท่านั้น หากนำหลักการนี้ไปยึดถือ ในเรื่องของการรับรู้ข่าวสารทางการเมือง และเรื่องราวต่างๆรอบตัวเรา โรค”หูเบา” ก็จะรักษาให้หายขาดได้

บทลงโทษ ที่พระองค์คาดไว้กับ นักสร้างข่าวลือทั้งหลาย คือ

(لَئِنْ لَمْ يَنْتَهِ الْمُنَافِقُونَ وَالَّذِينَ فِي قُلُوبِهِمْ مَرَضٌ وَالْمُرْجِفُونَ فِي الْمَدِينَةِ لَنُغْرِيَنَّكَ بِهِمْ ثُمَّ لَا يُجَاوِرُونَكَ فِيهَا إِلَّا قَلِيلًا)

“แน่นอน ถ้าพวกผู้กลับกรอกและบรรดาผู้ที่ในหัวใจของพวกเขาป่วย และกลุ่มผู้ก่อกวนความสงบในนครมะดีนะฮฺไม่ระงับ (การกระทำที่เลวทรามของพวกเขา) แน่นอนยิ่ง เราจะให้เจ้ามีอำนาจเหนือพวกเขา แล้วพวกเขาจะไม่กลับมาพำนักเป็นเพื่อนบ้านของเจ้าในนั้นอีกเว้นแต่เพียงชั่วเวลาอันเล็กน้อยเท่านั้น” [อะฮซาบ : 60]

การบริโภคข่าวสาร จะต้องเป็นไปอย่างชาญฉลาดมีไหวพริบ ไม่หลงเชื่อใครง่ายๆ แล้วตรวจสอบอย่างแน่นอนถ้า เรากล่าวหาว่าคนคนหนึ่งเลว ทั้งๆที่ฟังผู้คนเขาพูดกันมา โดยที่ยังไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ แล้วมาพบในภายหลังว่า ผู้ที่เรากล่าวหานั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เขาลือกันจริงๆ เราเองนี่แหละที่เป็นคนอธรรม. ในทางตรงข้าม หากเราไม่เชื่อข่าวลือง่ายๆ และรับรู้แต่สิ่งที่ยืนยันถึงข้อเท็จจริงได้เท่านั้น เราจะปลอดภัยจากการทำร้ายผู้อื่นและทำร้ายหัวใจตัวเอง