presstv / hidayatullah – ผู้ดูแลอุปถัมภ์สองศาสนถานมัสยิดอันศักดิ์สิทธิ์แห่งซาอุดิอาระเบีย กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ ทรงรับสั่งให้พสกนิกรซาอุดีทั่วประเทศร่วมกันส่งความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมให้กับชาวซีเรีย ซึ่งข่าวความเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกแถลงอย่างเป็นทางการผ่านประกาศสำนักพระราชวังแห่งราชวงศ์ซาอุดีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
“สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชาวซีเรียที่ต้องประสบกับเคราะห์ร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาผู้อพยพในเขตอาเลปโปและในเมืองใกล้เคียง ที่ต้องเผชิญกับชะตากรรมอันยากลำบาก ด้วยเหตุนี้ทางสำนักผู้ดูแลอุปถัมภ์สองศาสนถานมัสยิดอันศักดิ์สิทธิ์ กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ ทรงรับสั่งให้พสกนิกรซาอุดีทั่วประเทศร่วมส่งความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมให้กับชาวซีเรีย เริ่มตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมาเป็นต้นไป ซึ่งตรงกับวันที่ 28 เดือนรอบีอุลเอาวัล ฮิจเราะห์ศักราช 1438 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวซีเรีย” ซึ่งเป็นถ้อยความที่ระบุในแถลงการณ์ดังกล่าว
ในแถลงการณ์ดังกล่าว กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ ยังได้เปิดเผยว่าได้นำงบประมาณแผ่นดินจำนวน 100 ล้านริยาลซาอุดีส่งช่วยเหลือในครั้งนี้ไว้ด้วย งบประมาณดังกล่าวได้ส่งมอบผ่านศูนย์ให้ความช่วยเหลือและองค์กรที่ทำงานด้านมนุษยธรรมภายใต้การอุปถัมภ์ของกษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ ที่ทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐบาล
ความฟุ่มเฟื่อยของราชวงศ์ซะอูด
นิตยสารนิวยอร์คไทม์ระบุว่า ราชวงศ์ซาอุยังคงดำเนินชีวิตแบบฟุ่มเฟือยท่ามกลางวิกฤติทางเศรษฐกิจของประเทศ รายงานระบุ สมาชิกราชวงศ์ซาอุนับหมื่นคน ยังคงดำเนินชีวิตแบบหรูหราอย่างที่เคยเป็น ท่ามกลางนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาลเพื่อรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่สุดของประเทศ
ภายหลังจากที่ขาดดุลงบประมาณอย่างหนักและต่อเนื่อง รัฐบาลซาอุได้ประกาศยกเลิกเมกะโปรเจกพัฒนาประเทศหลายโครงการ ที่ต้องใช้งบประมาณรวมกว่า 9 ล้านล้านบาทและตัดรายจ่ายสาธารณะต่างๆ สวัสดิการ งบอุดหนุนต่างๆของรัฐ และยังขึ้นราคาน้ำมันและสาธารณูปโภคทุกอย่างภายในประเทศ มีนโยบายกู้เงินทั้งจากในและนอกประเทศหลายหมื่นล้านบาท และลดอัตราการจ้างงานในภาครัฐลง
แต่ในขณะที่รัฐบาลออกนโยบายต่างๆเพื่อรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจนี้ สมาชิกของราชวงศ์ซาอุทั้งหลาย กลับยังคงมีวิถีชีวิตที่หรูหราและฟุ่มเฟือยเหมือนที่ผ่านมาโดยบทวิเคราะห์ของนิตยสารนิวยอร์คไทม์ระบุว่า ในขณะที่รัฐบาลได้ออกนโยบายรัดเข็มขัดในประเทศ แต่สมาชิกราชวงศ์ซาอุจำนวน 12,000-15,000 คนกลับยังคงได้รับงบประมาณอุดหนุนราชวงศ์ในแต่ละปี หลายหมื่นล้านบาท และยังคงเข้าไปครอบครอง ลงทุนในเขตอสังหาริมทรัพย์ที่แพงที่สุดในโลก เช่น ปารีส ยังคงใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยไปกับรถยนต์หรูและสินค้าแบรนด์เนม ยังมีการรวมกลุ่มเพื่อออกทริปหรูไปต่างประเทศ
นอกจากนี้หลายๆคนยังมีบัญชีเงินฝากลับในธนาคารสวิสอีกมากมายโดยอ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ของเหล่านักการทูต ผู้จัดการด้านการเงิน นักเศรษฐศาสตร์และนักพัฒนาอสังหาฯ หลายสิบคน
นอกจากนี้ เจ้าชายคอลีด บินฟาร์ฮาน อัล-ซาอู้ด หนึ่งในราชวงศ์ซาอุที่ลี้ภัยอยู่ประเทศเยอรมันระบุว่า ประชาชนซาอุขณะนี้ มีรายได้ที่น้อยลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากมาตรการรับมือกับเศรษฐกิจที่ฟุบตัวของรัฐ ในขณะที่ราชวงศ์ซาอุ รายได้ทุกอย่างยังคงเดิม เพราะมีเงินงบประมาณอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ถูกเปิดเผยต่อสังคม สำหรับใช้ตามอัธยาศัยของกษัตริย์ ซัลมาน
นอกจากนี้ ความอยู่รอดของสมาชิกราชวงศ์ยังขึ้นอยู่กับการเข้าไปมีบทบาท ตำแหน่งหน้าที่ต่างๆในคณะรัฐบาลและธุรกิจขนาดใหญ่ของประเทศ ซึ่งทำให้พวกเขาได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ อีกมากมาย
จากรายงานระบุ เงินเบี้ยเลี้ยงของราชวงศ์ซาอุที่รัฐต้องจ่ายให้ในแต่ละเดือน มีจำนวนหลายหมื่นล้านบาท โดยเรทเงินเดือนสูงสุดสำหรับชั้นยศเจ้าชาย เจ้าหญิงหรือลูกของกษัตริย์และอดีตกษัตริย์อยู่ที่ 10 ล้านบาทต่อเดือน จนถึงเรทต่ำสุดคือลูกหลานชั้นสุดท้ายจะได้รับที่ 3 แสนบาทต่อเดือน
นอกจากนี้รายงานยังระบุ กษัตริย์ซัลมานเองมีคอนโดหรูย่านคนรวย ใจกลางกรุงปารีสไว้ในครอบครองนับ 10 แห่ง ซึ่งมีมูลค่ารวมราว 1,260 ล้านบาท และยังมีคฤหาสน์หรูที่เฟรนช์รีวิเอรา แถบเมืองท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนใต้ของฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังมีวังอยู่ที่เมืองท่องเที่ยวมาร์เบย่า ริมชายฝั่งโกสตาเดซอล ติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางภาคใต้ของประเทศสเปนอีกด้วย
โดยช่วงหลัง 2 ปีมานี้ สมาชิกในราชวงศ์ซาอุ รีบกว้านซื้อคฤหาสน์หรูในต่างประเทศกันเป็นจำนวนมาก หลังจากซาอุประสบวิกฤติปัญหาทางเศรษฐกิจ มีปัญหาภายในและการแย่งชิงราชบังลังค์ เพื่อใช้เริ่มต้นชีวิตใหม่และสำหรับเก็บทรัพย์สมบัติหากราชวงศ์ซาอุจำต้องมีอันเป็นไป
โดยขณะนี้พวกเขาพยายามทุกวิถีทางที่จะรักษาเมืองหลวงของพวกเขาเอาไว้ เพราะนั่นหมายถึงอนาคตของราชวงศ์ซาอุด้วย