นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามในเดือน มีนาคม 2011 – สิงหาคม 2016 มีผู้เสียชีวิตในสงครามครั้งนี้แล้วกว่า 400,000 คน มีอาคารบ้านเรือนถูกทำลายมากกว่า 3 ล้านหลัง โรงเรียน 872 แห่ง มัสยิด 451 หลัง โรงพยาบาล 194 แห่ง และโบสถ์อีกกว่า 38 หลัง ถูกทำลายลง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาซีเรีย กลายเป็นแผ่นดินที่อาบไปด้วยเลือดของมนุษย์มากที่สุดในศตวรรษที่ 21 นี้ เป็นสงครามที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และความเกลียดชังนั้นได้ฝังรากลึกลงไปในก้นบึ้งของจิตใจ มีผู้ได้รับผลกระทบ และสร้างผลกระทบมากมาย ทั้งจากภายใน และภายนอกประเทศ มีความเสียหายมากมายเกิดขึ้นทั่วทั้งประเทศ และสภาพการเป็นอยู่ของประชาชนซีเรีย ก็ตกต่ำถึงจุดวิกฤต มรดกโลกมากมายถูกทำลายลง ด้วยเหตุผลต่างๆนานา
คำถามคือทำไมถึงเป็นซีเรีย ? อะไรคือ สาเหตุของสงคราม ? ทำไมใจกลางสงครามต้องเป็นอะเลปโป ? ใครเป็นใครในสงคราม ? แต่ละฝ่ายเข้าร่วมสงครามทำไม และทำไปเพื่ออะไร ? ผู้เขียนขอใช้พื้นที่บทความนี้อธิบายเรื่องนี้ โดยอาศัยหลักฐานและข้อมูลที่รวบรวมมา โดยหวังว่า บทความชิ้นนี้ จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านในการทำความเข้าใจ สงครามซีเรีย มากยิ่งขึ้น
จุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมือง
คำตอบที่เรามักพบใน สื่อทั่วไป คือ สงครามนี้ปะทุขึ้นจาก การประท้วงต่อรัฐบาลซีเรีย อันเป็นผลจาก ARAB SPRING โดย เริ่มตั้งแต่ปี 2011 โดยความต้องการที่จะต่อต้านระบบการปกครอง ภายใต้การนำของ ประธานาธิบดี บาชาร อัลอาซาด เหตุผลหลักๆมาจาก ปัญหาว่างงาน คอรัปชั่น การขาดเสรีภาพทางการเมือง และประชาธิปไตยประชาชนประท้วงรัฐบาลเข้าปราบปราม เหตุการณ์รุนแรงจนทำให้มีผู้เสียชีวิต คนกลุ่มหนึ่งจึงเปลี่ยนจากถือป้ายประท้วงเป็นถือปืนแทน นั่นคือ สิ่งที่คนทั่วไปอาจเคยได้ยินมาแล้ว

มีกลุ่มที่ประท้วงรัฐบาล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีประชาชนที่สนับสนุน ตั้งแต่มีการประท้วง ประชาชนสองกลุ่มออกมาแสดงพลัง กลุ่มหนึ่งออกมาประท้วง และ อีกกลุ่มออกมาสนับสนุน แน่นอน จริงอยู่ที่การประท้วงเริ่มจากประชาชนรู้สึกไม่พอใจต่อรัฐบาล แต่การนองเลือดและความรุนแรงที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ถูกวางหมากให้เป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรกแล้ว มีผู้ต้องการจะให้ซีเรียเกิดความไม่สงบตั้งแต่แรก และคนพวกนั้น ไม่ใช่ประชาชนในประเทศ แต่เป็นชาติมหาอำนาจ ข้อยืนยันในเรื่องนี้คือ คำให้การของจูเลียน อัซซานจ์ กับ คำพูดของ นายซบิกนิว เบรซซินสกี อดีต NSA
ต้นตอของแผนล้มรัฐบาลที่จะล้มบาชาร มาจากสหรัฐฯ จูเลียน อัสซานจ์ เจ้าของ WIKILEAK ออกมาแฉข้อมูลว่า สหรัฐมีแผนสร้างความหวาดระแวงภายในรัฐบาลซีเรีย และผลักดันให้เกิดการกระทำที่นำไปสู่การทำรัฐประหาร เจาะจงรายละเอียดคือ ทำให้อัสซาดอ่อนแอลง และทำให้ประธานาธิบดีซีเรียแสดงปฏิกิริยาต่อภัยคุกคามจากกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่ข้ามเข้ามาในประเทศของเขามากขึ้น เพราะถ้าซีเรียไร้เสถียรภาพ สหรัฐจะสามารถเก็บที่ราบสูงโกลันไว้ได้ตลอดไป หรือแม้แต่รุกคืบเข้าไปในอาณาเขตนั้น[1]
อดีต NSA นาย ซบิกนิว เบรซซินสกี (ZbigniewBrzezinsk) อธิบายว่า “วิกฤตซีเรีย เกิดจาก ซาอุดิอาราเบีย กาตาร์ และชาติตะวันตก โดยในปี 2011 แผนก่อความไม่สงบซีเรีย มีสองชาติเป็นตัวการหลัก คือ กาตาร์ กับ ซาอุดิอาราเบีย ในอีกทางหนึ่งให้ โอบามา คอยสนับสนุนโค่นล้ม บาชาร เพื่อรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐ โดยไม่ต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา และในปี 2012 หลังการประท้วงเริ่มรุนแรง ช่วงฤดูเลือกตั้งของสหรัฐ นายพล 4 ดาว เดวิด พาเทรส์ (David Petraeus) อดีตผู้อำนวยการ CIA สหรัฐฯ ก็รับหน้าที่คอยหนุน กาตาร์ กับ ซาอุดิอาราเบีย เพื่อนำสองประเทศอาหรับแสนร่ำรวย เข้ามามีบทในแผนซีเรียมากขึ้น โดยดึงเอาตุรกี เข้ามาร่วมด้วยในเวลาต่อมา[2]
ทุกวันนี้ การสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ทั้งสหรัฐ ทั้งซาอุดิอาราเบีย ทั้งกาตาร์ และตุรกี ไม่ใช่เรื่องลับแต่อย่างใด ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ก็เพิ่งสั่งยิงขีปนาวุธโทมาฮอว์กราว 59 ลูก ถูกยิง จากเรือรบยูเอสเอสพอร์เตอร์ และยูเอสเอสรอสส์ ซึ่งประจำการอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อเวลา 03.45 น.ตามเวลาท้องถิ่นซีเรีย และพุ่งไปโจมตีเป้าหมายภายในฐานทัพอากาศชัยรอต (Shayrat) ตั้งแต่ปี 2011-2016 ข้อเท็จจริงที่ว่า ตะวันตก และอาหรับร่ำรวยบางประเทศ คอยให้การสนับสนุนให้สถานการณ์ซีเรียเป็นไปตามที่พวกเขาวางหมากไว้ ในอีกด้านหนึ่ง ผู้รู้สายวะฮาบี ก็คอยออกคำวินิจฉัย(ฟัตวา) เพื่อเรียกร้องให้มุสลิมจากทั่วโลก มาทำสงครามในซีเรีย ฟัตวาของผู้รู้สายวะฮาบีเหล่านี้เป็นเหมือนแม่เหล็ก และคำประกาศิตที่ดึงดูดกลุ่มนักรบ บ้างก็ยอมรับในภายหลังว่าถูกหลอกและเสียใจ ให้มาติดอยู่ในหลุมแห่งความรุนแรงนี้
มีรายงานว่า สาเหตุที่กลุ่มต่อต้าน หันมาจับอาวุธ เป็นเพราะ ฝ่ายรัฐบาล เริ่มปราบปรามขั้นรุนแรง จนไปถึงการใช้อาวุธเคมี แน่นอน รัฐบาลซีเรียออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ และรัสเซีย ก็ช่วยยืนยันอีกทบหนึ่ง ส่วนทรัมป์เองก็ใช้ข้อกล่าวหานี้ยิงจรวดใส่ซีเรีย ไม่กี่วันที่ผ่านมา เรื่องนี้เป็นข้ออ้างยอดนิยมที่มักนำมาใช้แสดงความโหดเหี้ยมของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ในเรื่องนี้ทั้งฝ่ายต่อต้านและฝ่ายสนับสนุนต่างก็กล่าวหากันว่าอีกฝ่ายใช้อาวุธเคมี บาชาร ถูกพาดพิงว่าใช้อาวุธเคมีโดยสื่อตะวันตก แต่หลักฐานกลับบอกตรงข้าม เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ปี 2016 กลุ่มก่อการร้ายใช้อาวุธเคมีโจมตีเป้าหมายใกล้กับสนามบินนานาชาติอะเลปโป โดยกลุ่มหัวรุนแรงยิงปืนครกที่ติดหัวสารเคมีวอชิงตันโพสต์ก็รายงานว่า IS ใช้อาวุธเคมีอย่างน้อย 52 ครั้ง ในการทำสงครามทั้งในประเทศอิรัค และ ซีเรีย[3][4]
ทำไมต้องเป็นอะเลปโป?
อะเลปโป เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของ ซีเรีย และเป็นเมืองหลวงแห่งเศรษฐกิจของประเทศนี้ เหตุที่เมืองนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะ
-การยึดเมืองนี้อาจทำให้รัฐต้องแพ้ศึกและเผชิญกับความเสี่ยงหลายประการ
-ในอีกด้านหนึ่งการยืนหยัดของอะเลปโปในหลายอาทิตย์ โดยพลเรือน ร่วมมือกับ รัฐบาล ยังทำให้สถานะของอัสซาด เข้มแข็งยิ่งขึ้น อะเลปโป เป็นเมืองที่มีประชากรประมาณ 2.5 ล้านคน โดยล้านคนเป็นซุนนี่ และส่วนเมืองเป็นผู้สนับสนุนอัสซาด ผู้พ่อ และผู้เป็นลูก
-เมืองนี้ยังเป็นเมืองเศรษฐกิจ และเป็นถิ่นอาศัยของบุคคลสำคัญในรัฐบาล ถ้าฝ่ายต่อต้านสามารถยึดเมืองได้สำเร็จ พวกเขาจะสามารถฟื้นฟูความคิดที่จะกลับไปสู่ซีเรียในภูมิภาคอื่นๆได้อีกครั้ง ขออธิบายง่ายๆว่า อะเลปโป เหมือน เบ็งกาซีของลิเบีย ที่ถ้าฝ่ายต่อต้านสามารถยึดมาได้ พวกเขาจะสามารถแยกตัวจากลิเบีย และประกาศเป็นเขตปกครองของตนเองได้
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ อะเลปโป สำคัญ และกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการศึกสงคราม
ในการทำสงครามเมืองอะเลปโป ฝ่ายต่อต้าน ร่วมถึงกลุ่มแนวคิดหัวรุนแรง และกลุ่มตักฟีรีย์ ระดมพลกันเพื่อยึดเมืองนี้เป็นจำนวนมาก อัลจาซีร่า กับ อัลอาราบียา รายงานว่า มีการรวมพลกันถึง 5 พันคน สื่อว่า การยึดอะเลปโป เป็นสิ่งที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจริงจังต้องยึดเอาเมืองให้ได้
การสู้รบทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างลามไปถึง เมืองเก่า และโบราณสถานบางแห่ง ข้อที่ว่าฝ่ายรัฐบาล เป็นผู้ทำลายโบราณสถาน เช่น มัสยิดอุมัยยะฮ์ ดูจะเอียงข้างเกินไป เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็อ้างว่า ฝ่ายตรงข้ามคือผู้ทำลาย สถานที่สำคัญเหล่านี้ และที่ผ่านมา ฝ่ายที่โจมตีโบราณสถานมาตลอดหลายปี ก็เป็นกลุ่มประเภทเดียวกับ IS เราสามารถหาข้อมูลเรื่องนี้ได้ง่าย อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานว่า กลุ่มหัวรุนแรง 12 กลุ่ม ได้เริ่มโจมตีโดยใช้อาวุธหนัก หลังเจรจากันเสร็จสิ้น พร้อมประกาศ ยึดเมืองอะเลปโปแบบเบ็ดเสร็จ แต่สุดท้ายกลุ่มกบฏก็เจรจาขอยอมแพ้ และถอนตัวในเดือนสิงหาคม ปี 2016
-มีมุมมองหนึ่งที่ชี้ว่า อะเลปโป เปรียบเสมือนไพ่ใบสุดท้ายของสหรัฐ ประธานาธิบดีซีเรีย เผยว่า “หลังจากความปราชัยของพวกเขาในสงครามดามัสกัสและฮอมส์ เมืองอาเลปโปคือความหวังสุดท้ายของพวกเขา และอาเลปโปจะเปลี่ยนแนวทางของสงครามในซีเรียไปอย่างสมบูรณ์ และการปลดปล่อยมันนั้นหมายถึงการล้มเหลวในแผนสมคบคิดของกลุ่มประเทศตะวันตกในภูมิภาค ขณะนี้อเมริกาเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในอะเลปโป เนื่องจากบรรดาสมุนของพวกเขาในเมืองนี้ได้เผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก” จากมุมนี้ชี้ว่า ความพ่ายแพ้ของนักรบหัวรุนแรง ส่งผลกระทบต่อสหรัฐอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
ใครเป็นใครในสงครามตัวแทน
ตั้งแต่ปี 2555 รัฐบาลซีเรียได้ต่อสู้กับฝ่ายต่อต้าน และสถานการณ์ถูกยกระดับจากสงครามกลางเมือง หรือ สงครามภายในประเทศ กลายเป็นสงครามตัวแทน ผู้รู้กลุ่มที่สนับสนุนฝ่ายต่อต้าน ได้ออกคำวินิจฉัยทางศาสนา เพื่อเรียกร้องให้คนทั่วโลกไปรบกับรัฐบาลซีเรีย นับรบสลาฟีย์ถูกนำเข้าทั้งจากแอฟริกา เอเชีย และยุโรป นักรบเหล่านี้เข้าร่วมกลุ่มองค์กรซึ่งหลักๆได้แก่ ISIS ,แนวหน้าอันนุศรา ,อะฮรออัลชาม และขบวนการนักรบอิสระ กลุ่มเหล่านี้แรกเริ่มมีความคิดเหมือนกันคือ โค่นล้มรัฐบาลซีเรีย ทว่าหลังจากนั้น ความคิดไม่ลงรอย ทำให้มีการปะทะกันบางครั้งบางคราว และหลังจากนั้นการสู้รบก็ยกระดับไปสู่สงครามตัวแทน ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 4 ฝ่าย
ฝ่ายรัฐบาล ซีเรีย และพันธมิตร
พันธมิตรหลักของรัฐบาลซีเรีย ได้แก่ อิหร่าน รัสเซีย
-อิหร่าน
-เหตุผลสำคัญที่ทำให้อิหร่านสนับสนุน และฮิสบุลลอฮ์อยู่ฝ่ายซีเรีย ตามคำอธิบายของผู้นำสูงสุดอิหร่าน คือ การยับยั้งไม่ให้เกิดภัยคุกคามและการแทรกแซงจาก สหรัฐ และอิสราเอล ในภูมิภาค เพราะซีเรียให้การสนับสนุนปาเลสไตน์ และเลบานอน เพื่อต่อสู้กับอิสราเอล อิหร่านจึงปกป้องซีเรีย เพื่อรักษาอำนาจในการต่อต้านนี้ให้คงอยู่สืบไป
-อีกเหตุผลหนึ่ง คือ การล้มสลายของรัฐบาลซีเรีย หมายถึง ภัยคุกคามจากกลุ่มแนวคิดหัวรุนแรง และแน่นอนการมีกลุ่มที่ตัดหัวคนกลายเป็นรัฐบาลปกครอง และมีแนวคิดล้างฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชีอะฮ์ นั่นย่อมหมายถึง การนองเลือดอย่างมากมาย
-เหตุผลทางศาสนา เพราะในซีเรียมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชีอะฮ์ เช่น ฮารอมท่านหญิงซัยหนับ บุตรี ของ อาลี บิน อบีฏอลิบการปกป้องจากการโจมตีโดยกลุ่มตักฟีรีย์ต่อสถานที่เหล่านี้ จึงถือหน้าที่หนึ่งของชีอะฮ์ ในสงครามซีเรียมีรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตของทหารอิหร่านตั้งแต่ปี 2014 มีจำนวนประมาณ 400 คน และเป็นนับรบชาวอัฟกานิสถาน 200 คน
-รัสเซีย
-รัสเซียเข้าร่วมในสงครามกลางเมืองครั้งนี้ มีเหตุผลต่างจากอิหร่าน โดยรัสเซียเข้าร่วมสงคราม เพื่อรักษาผลประโยชน์ในตะวันออกกลาง ผลประโยชน์ดังกล่าวคือ การปกป้องฐานทัพเรือที่รัฐบาลซีเรียเช่า
-อีกเหตุผลหนึ่งเพื่อยับยั้งภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้ายที่มีแนวคิดหัวรุนแรง ซึ่งเป็นกลุ่มที่อาศัยอยู่ในประเทศเล็กประเทศน้อยหลังจากโซเวียต ย่อยประเทศ แน่นอนรัสเซีย กับ อเมริกา ประกาศว่า ต้องการปราบกลุ่มก่อการร้ายเหมือนกัน แต่ทั้งสองมีแนวคิดต่างกันตรงที่ สหรัฐอ้างว่า ต้องปราบ อัสซาด ก่อน แล้วจึงมาเล่นพวกหัวรุนแรงที่หลัง ส่วนรัสเซียอ้างว่า การจะล้มพวกหัวรุนแรงได้ ต้องสนับสนุน อัสซาด ควบคู่ กับ การปราบกลุ่มตักฟีรีย์ไปในขณะเดียวกัน
กลุมกบฎและพันธมิตร
กลุ่มกบฏในซีเรีย ประกอบด้วยหลายกลุ่ม ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มที่มีแนวคิดแบบสลาฟีย์ไม่ใช่ซุนนีย์ อย่างที่หลายคนมักกล่าวอ้าง เราสามารถสังเกตได้จากคำขวัญและวิธีการ เพราะซุนนี จะมีเอกลักษณ์ในทางรักสันติ และไม่เผยแพร่คลิปวีดิโอ แสดงความเหี้ยมโหดออกสื่อด้วยการประหารเหยื่อทั้งที่เป็นมุสลิม หรือไม่ใช่มุสลิมก็ตาม เราได้อธิบายไปตอนต้นแล้วว่า กลุ่มหลักๆที่เข้ามามีบทบาท รบกับรัฐบาลซีเรีย คือ แนวหน้านุศรา ISIS และ FSA ทั้งสามกลุ่ม แรกเริ่มมีเป้าหมายเดียวกัน แต่หลังจากนั้นก็ยิงกันเอง โดยทั้งสามกลุ่มได้รับเงินช่วยเหลือจากนอกประเทศ (นักรบบางกลุ่มที่ไปประจำอยู่ในซีเรีย เปิดเผยว่า กลุ่มหัวรุนแรงได้เงินมากกว่า เดือนละสองแสนบาท ให้ทำสงครามกับรัฐบาล) และยังมีฟัตวาญิฮาดนิกะฮ์ ทำให้นักรบหัวรุนแรงมีแรงจูงใจ ที่จะทำสงครามต่อไป อย่างไรก็ตาม ISIS ถูกสหรัฐทิ้งบอม แต่มักจะไม่โดนเสมอ และในขณะเดียวกันสหรัฐก็สนับสนุน กลุ่มสายกลาง

18 October 2014: Clouds of smoke and debris rise over Kobani after a US-led airstrike on Islamic State positions in the town, as seen from the Mursitpinar border crossing on the Turkish-Syrian border
สหรัฐอเมริกา
-สหรัฐเข้ามาร่วมสงคราม เพื่อล้มรัฐบาลซีเรีย เพื่อเบ่งบานประชาธิปไตย ซึ่งเป็นข้ออ้างยอดนิยม
-ถ่วงดุลอำนาจกับ รัสเซีย และ อิหร่านในอีกด้าน ข้อที่บอกว่า สหรัฐอเมริกาส่งความช่วยเหลือที่ไม่ก่อให้เกิดความรุนแรง เป็นเรื่องโกหก และข้อที่บอกว่า สหรัฐส่งอาหารและรถบรรทุก ให้แก่กลุ่มกบฏ ก็เป็นเรื่องโกหกอีกเช่นกัน จริงๆแล้ว อาหาร และรถบรรทุก เป็นฉากบังหน้าในการขนอาวุธเท่านั้น เพราะมีการพบอาวุธที่ผลิตจากตะวันตก อยู่ข้างศพของฝ่ายกบฏวางกลาดเกลื่อน และการที่ทรัมป์ที่สั่งยิงขีปนาวุธใส่ซีเรีย ก็เป็นคำยืนยันการว่า สหรัฐส่งกงจักร ไม่ใช่ดอกบัวอย่างไรก็ตาม การกระทำแบบหุนหันพลันแล่นของทรัมป์ สร้างกระแสการประณามอย่างมากมาย ทั้งจากคนอเมริกันเอง และนานาประเทศ คนอเมริกันประณามการกระทำของรัฐบาล เพราะเอาเงินไปปาเล่น ขีปนาวุธโทโมฮอล์กของสหรัฐอเมริกา ใช้งบประมาณ ลูกละ 2,981,000 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยคือ 105,825,500 บาท และทรัมป์สั่งยิงโจมตีฐานทัพอากาศเชยรอตของซีเรียเป็นจำนวน 59 ลูก ตีมูลค่าเป็นเงินได้ 175,879,000 ดอลลาร์หรือประมาณ 6,243,704,500 บาท เข้าเป้า 23 ลูก หลุดเป้า 36 ลูก เท่ากับทำเงินสูญไปเป็นเงิน 107,316,000 ดอลลาร์ หรือ 3,809,718,000 บาท
-อีกเหตุผลหนึ่ง คือ เพื่อต่อต้านภัยก่อการร้าย จุดยืนของสหรัฐ ยังไม่เปลี่ยนแปลง สหรัฐอ้างว่า อัสซาด ใช้อาวุธ นิวเคลียร์ และสังหารประชาชนของตัวเอง และให้เหตุผลว่า การยับยั้งภัยก่อการร้าย จะต้องเริ่มจากการล้มรัฐบาลซีเรียก่อนเป็นอันดับแรก
-สนับสนุนและปกป้องกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ซึ่งตามที่ รัฐบาลสหรัฐประกาศคือ พวกเขาสนับสนุน กลุ่มกบฏสายกลาง แต่ไม่สนับสนุนกลุ่มกบฏหัวรุนแรง หรือ กลุ่ม IS ไม่ว่าอเมริกาจะปฏิเสธให้อาวุธหรือไม่ให้อาวุธแก่กลุ่มกบฏในซีเรีย กลุ่มเหล่านี้ก็ยังมีแนวคิดสุดโต่งเหมือนเดิมความคิดที่ว่าถ้าอเมริกาทุ่มงบประมานนับพันล้านดอลลาร์ในด้านอาวุธให้กับ “กองกำลังสายกลาง” พวกเขาจะสามารถทำลายกลุ่มหัวรุนแรง และล้มรัฐบาลซีเรียได้ จึงเป็นแผนที่ไม่ฉลาด และไม่คำนึงถึงความเป็นจริง คิดง่ายๆว่า ต่อให้สนับสนุน อัลกออิดะฮ์ เพื่อล้ม IS ไม่ว่าอัลกออิดะฮ์ จะทำสำเร็จหรือไม่ พวกเขาก็ยังเป็นอัลกออิดะฮ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าแผนแบบนี้ ไม่เคยสำเร็จมาก่อน ความคิดสนับสนุนกลุ่มหนึ่ง เพื่อโค่นล้ม หรือ ลดอำนาจของกลุ่ม เคยถูกใช้ในสมรภูมิ โซเวียตในอดีต โดยในศึกนั้น สหรัฐได้ส่งอาวุธให้กลุ่มต่อต้าน ซึ่งก็คือ อัลกออิดะฮ์ในวัยเยาว์
รัฐอ่าวอาหรับ นำโดยซาอุดิอาระเบีย
-ประเทศอาหรับที่มีบทบาทในการโค่นล้มรัฐบาลมากที่สุด คือ ซาอุดิอาราเบีย และ กาตาร์ ก็มีบทบาทสำคัญ ในแผนการนี้เหตุที่ประเทศอาหรับเข้าร่วมสงคราม เพื่อโค่นล้มรัฐบาลซีเรีย โดยเหตุผลหลักที่ซาอุดิอาราเบีย และ การตาร์ สนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ก็เพื่อโค่นล้มรัฐบาลซีเรีย โดยซาอุดิอาราเบียและกาตาร์ นับเป็นผู้เล่นหลักตั้งแต่เริ่มต้นสงครามตัวแทน จนถึงปัจจุบัน ในทางเปิดเผย ซาอุดิอาราเบีย และ กาตาร์ ช่วยเหลือฝ่ายต่อต้านปัจจัยทางอาวุธ เงิน และฝึกทหารให้ฝ่ายต่อต้าน และทางแอบแฝง มีรายงานยืนยันว่า ทั้งสองประเทศ คือ ผู้สร้างกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรง อย่างไรก็ตาม ในการส่งทหารเข้าซีเรีย สำหรับซาอุดิอาราเบีย ผู้มีอำนาจในประเทศมีความเห็นแบ่งเป็นสองด้าน ด้านหนึ่งสนับสนุนให้ส่งทหารเข้าซีเรีย อีกด้านหนึ่งคัดค้านการส่งทหารเข้าซีเรีย ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016 10 นายพลกองทัพซาอุฯ ยื่นจดหมายแก่ “มกุฎราชกุมาร” คัดค้านส่งทหารภาคพื้นดินเข้าซีเรีย หลังจากนั้นซาอุดิอาราเบีย ก็แสดงบทในฐานะ ผู้สนับสนุนทางอาวุธ ทางอากาศ และทางการเงินมาโดยตลอด
-เหตุผลรองลงมา คือ การปราบกลุ่ม IS เพราะซาอุดิอาราเบีย เริ่มวิตกกังวลว่า IS จะหันมาแว้งกัดตนเอง และจากการที่มีผู้ฝักใฝ่ IS ชาวซาอุดิอาราเบีย เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให้ความกังวลของพวกเขายิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก ซาอุดิอาราเบียจึงประกาศเป็นประเทศที่ใช้อาวุธทิ้งระเบิด เพื่อปราบ IS อีกประเทศหนึ่งในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตหลายประการที่ทำให้เรื่องราวซับซ้อน และหมิ่นเหม่มากขึ้น อย่างแรกคือในขณะที่ซาอุประกาศว่า ตนเป็นศัตรูกับ IS ก็มีหลักฐานพิสูจน์ว่า ที่ผ่านมา ซาอุนั่นแหละที่เป็นผู้สร้าง และช่วยเหลือ สนับสนุน IS และข้อสังเกตอีกประการก็คือ จริงๆแล้ว ข้ออ้างในการร่วมสงครามในด้านนี้ เป็นเพียงกุศโลบายเท่านั้น The Wall Street Journal รายงานว่าปฏิบัติการถล่ม IS เป็นแค่เป้าหลอก และจริงๆแล้วเป้าหลักคือ การล้มรัฐบาลอัสสาดของซีเรีย
-จัดการอิหร่าน ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ซาอุ อยู่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล เมื่อช่วงกลางเดือน ธันวาคมปี 2016 เจ้าชาย Mohammed bin Nawaf bin Abdulaziz แห่งซาอุดิอาระเบียเขียนบทความลงสื่อ New York Times โดยชี้ว่าหลายทศวรรษที่ผ่านมาชาติตะวันตกกับซาอุฯ ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์อันดีต่อกันนานหลายทศวรรษ แต่มาวันนี้ความสัมพันธ์เหล่านี้กำลังถูกทดสอบจากความเห็นต่างต่อเรื่องอิหร่านกับซีเรีย รัฐบาลซาอุฯ ไม่อาจทนนิ่งเงียบนิ่งเฉยอีกต่อไปเพราะนโยบายชาติตะวันตกต่ออิหร่านกับซีเรียหลายข้ออาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของภูมิภาคตะวันออกกลาง ซาอุฯต้องการควบคุมตะวันออกกลาง และประเทศแถบอ่าวเปอร์เซีย การปราบซีเรีย จะทำให้อิหร่านแทบไม่เหลือพันธมิตร
ตุรกี
ตุรกี เข้าร่วมในสงครามกลางเมือง เพราะกังวลว่า สงครามกลางเมืองซีเรีย จะทำให้กลุ่มเคิร์ดเข้มแข็งขึ้น และเหตุผลปราบ ISIS ในสงครามตัวแทนครั้งนี้ ตุรกี จึงกระโดดสู่สงครามนี้ ด้วยเหตุผลต่อต้านการก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ออกมาตรงข้าม ตุรกี ถูกซีเรียประณามเพราะ ทิ้งระเบิดใส่พลเรือน ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 150 คน ในช่วงตุลาคม และต่อมาก็เริ่มมีข่าวระแคะระคายหลุดออกมาว่า ตุรกีเองก็ให้การสนับสนุน แนวหน้านุศรา กับ ไอซิซ หลังจากกระแสเริ่มดังขึ้น ประธานาธิบดีก็ออกมาปฏิเสธ รัสเซีย จึงกางหลักฐานพิสูจน์ แบบชนิดที่ว่าแก้ไม่ได้อีกเลย แต่ตุรกีก็ยังอยู่รอดมาได้ และปัจจุบัน ตุรกียังสนับสนุนทรัมป์ ที่ยิงขีปนาวุธใส่ซีเรีย ช่องโทรทัศน์ CNN Turk รายงานจากรองนายกรัฐมนตรีตุรกี Numan Kurtulmus กล่าวว่า การโจมตีฐานทัพอากาศซีเรียของสหรัฐอเมริกา คือ การกระทำที่ดีและเป็นบวก (positive) และ“รัฐบาลอัสซาด สมควรได้รับโทษ” Kurtulmus กล่าว
อิสราเอล
อิสราเอล ไม่ได้กระโดดเข้าสู่สงครามนี้โดยตรง แต่มีการแอบตี แอบยิงอยู่บ้างเป็นระยะ ในซีเรีย การล่มสลายของรัฐบาลอัสซาด เท่ากับ การทำลายผู้สนับสนุน กับมุกอวิมัตอิสลาม และ ฮิสบุลลอฮ เลบานอน ที่ต่อสู้กับอิสราเอลในวันที่ 13 มกราคม 2017 สถานีโทรทัศน์แห่งชาติซีเรียอ้างคำแถลงจากกองทัพซึ่งระบุว่า จรวดหลายลูกถูกยิงมาจากพื้นที่ใกล้ๆ ทะเลสาบทิเบเรียส (Tiberias) ทางภาคเหนือของอิสราเอลเมื่อช่วงหลังเที่ยงคืน และมาตกบริเวณฐานทัพเมซซาห์ ซึ่งถูกใช้งานโดยกองกำลัง รีพับลิกัน การ์ด ของประธานาธิบดี บาชาร์อัล-อัสซาดประเด็นก็คือ สนามบินทหารดังกล่าว คือ สนามบิน ที่ใช้ยิงเป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มกบฏรอบกรุงดามัสกัส และก่อนหน้านี้เอง อิสราเอล ก็เคยยิงฐานของฮิสบุลลอฮ ในซีเรียมาหลายครั้ง การกระทำของอิสราเอล จึงสะท้อนให้เห็นว่า พวกเขาสนับสนุน และการที่ไอซิสไม่เคยประกาศที่จะโจมตีอิสราเอลแม้แต่ครั้งเดียวทั้งในด้านอุดมการณ์และการใช้กองกำลัง ก็ยืนยันเรื่องนี้ในอีกด้านหนึ่ง โทมา วาลีเชียร์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวสปุกนิค โดยชี้ถึงการโจมตีซีเรียทางอากาศอย่างต่อเนื่องของอิสราเอลว่า ประเด็นปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและไอซิส มันเหนือกว่าคำว่า “มิตรและข้อตกลงที่ดี” เพราะไอซิสกำลังปฏิบัติการเพื่อให้บรรลุความต้องการขั้นพื้นฐานของอิสราเอล นั้นหมายถึงการสร้างความไม่มั่นคงให้เกิดขึ้นในเขตบริเวณรอบๆอิสราเอล อย่างไรก็ตาม หลังการสั่งยิ่งขีปนาวุธ 59 ลูก ประธานาธิบดีอิสราเอล Reuven Rivlin ชี้ว่า การยิงขีปนาวุธของสหรัฐอเมริกา นับเป็น “การตอบโต้ที่เหมาะเจาะกับการกระทำสิ้นคิดแสนโหดร้าย (ของรัฐบาลซีเรีย) และเป็นเหมือน ตัวอย่างให้แก่โลกเสรี” นับเป็นการแสดงจุดยืนว่า อิสราเอล เห็นด้วยกับสหรัฐต่อสงครามตัวแทนครั้งนี้
ไอซิส (Islamic State of Iraq and Syria: ISIS)
คือกลุ่มติดอาวุธ ที่มีแนวคิดซะละฟีย์หัวรุนแรง เป็นกลุ่มก่อการร้ายที่พยายามจะก่อตั้งระบบคอลีฟะฮ์ในซีเรียและอิรัก กลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวในอิรักและซีเรีย มีหัวหน้ากลุ่มมีชื่อว่า อบูบักรอัลบัคดาดี ระบบการปฏิบัติการและที่มาของกลุ่ม“ดาอิช” กลุ่มนี้ถูกก่อตั้งขึ้นมาจากการประชุมของกลุ่มติดอาวุธในอิรักเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2006 ผลจาการประชุมครั้งนั้น อบูอุมัรอัลบัคดาดี ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าขบวนการ กลุ่มก่อการร้ายที่ถูกจัดตั้งขึ้นมา มีหน้าที่ในการโจมตีและก่อความไม่สงบในสถานที่ต่างๆ ในประเทศอิรัคหลังจากอบูอุมัรอัลบัคเดดีได้เสียชีวิตในวันที่ 19 เมษายน 2010 จากนั้น อบูบักรอัลบัคดาดี ก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำแทน ซึ่งการขึ้นมาเป็นผู้นำของอบูบักรอัลบัคเดดี ทำให้การเคลื่อนไหวและการก่อการร้ายถูกตีวงกว้างขึ้น ขบวนการกลุ่มนี้ก็ได้ร่วมปฏิบัติการในช่วงที่ได้เกิดวิกฤติสงครามกลางเมืองซีเรีย หลังจากนั้นปี 2014 ISIS เดิมที่เคยร่วมรบกับ อันนุศรา และ อัลกออิดะฮ์ ก็คือถอนตัวไปประกาศกลุ่มอย่างเป็นทางการ ต่อมา ไอซิซ ยื่นข้อเสนอให้สองกลุ่ม บัยอัต เข้าสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มของตน แต่ทั้งสองกลุ่มไม่ยอมรับ IS จึงปะทะกับ อันนุศรา กลายเป็นการฆ่าฟันกันเอง ความโหดเหี้ยม และวิธีการของ IS น้อยคนนักที่จะไม่รู้ และดูเหมือนว่า ยิ่งISIS ทำคลิปเผยแพร่มากเท่าไหร่ คนก็เข้าใจผิดเกี่ยวกับอิสลามมากเท่านั้น ความเป๋ทางอุดมการณ์ และเป้าหมายดั้งเดิมของ ISIS เริ่มไปไกล เพราะ เดิมกลุ่มนี้ มีจุดประสงค์เพื่อตั้งรัฐในอิรัก และ ซีเรียตามชื่อ ปฏิบัติการจึงควรจะจำกัดอยู่แต่ในพื้นที่ซีเรีย และอิรัก เหมือนที่กระทำในช่วงแรก แต่ไปๆมาๆ กลายเป็นว่า ไอซิซ ยกระดับ ปฏิบัติการของตนทั้งในยุโรป และเอเชีย แม้แต่ในประเทศมาเลเซียเพื่อนบ้าน ก็มีสมาชิกไอซิซ เช่นกัน เหตุผลเพราะโฆษณาชวนเชื่อ และแนวคิดหัวรุนแรงที่ถูกปลุกฝังแต่เดิมมันคือ คำหลอกลวงที่มาพร้อมความจริงใจสังคมของขบวนการตักฟีรีย์ มีสิ่งที่คล้ายกับหลุม เมื่อตกลงไปครั้งหนึ่งแล้วละก็ ยากที่จะหลุดออกมาได้
ชาวเคิร์ดในซีเรีย
อันที่จริงแล้ว ชาวเคิร์ดกระจัดกระจาย อยู่ตามประเทศต่างๆในตะวันออกกลาง มีทั้งเคิร์ดซีเรีย เคิร์ดอิหร่าน เคิร์ดอิรัค และเคิร์ดตุรกี ไม่ได้สนับสนุนฝ่ายใดอย่างชัดเจน แต่ก็มีบ้างที่ลงมือ เป้าหมายหลักของพวกเขา คือ แบ่งแยกดินแดน และตั้งรัฐปกครองตนเอง มีแนวคิดแบบสังคมนิยม และชาตินิยมอ่อนๆ ชาวเคิร์ดซีเรีย มีกลุ่มทหารของตนเอง คือ YPG ซึ่งขัดแย้งกับตุรกี เพราะกลุ่มนี้ต่อสู้กับรัฐบาลตุรกี และพยายามแบ่งแยกดินแดนมาหลายสิบปี
ประเด็นร้อน
-ซีเรีย ไม่ใช่สงครามที่มีสมรภูมิเดียว คือ สนามรบในพรมแดน แต่ซีเรียยังมีสงครามความคิด สงครามความเชื่อ สงครามข่าว และสงครามมนุษยธรรม ขอยกตัวอย่างสงครามข่าวสาร ในช่วง 6 ปี ที่ผ่านมา มีการตัดต่อภาพ และคลิปวีดิโอ เพื่อโจมตีฝ่ายรัฐบาลซีเรีย ว่ามีความเหี้ยมโหดและทำร้ายประชาชน และทางฝ่ายรัฐบาลเอง ก็นำเสนอ ภาพความเหี้ยมโหด เช่น ตัดหัวประจาร หรือ การทรมาน หรือ การกระทำอันไร้มนุษยธรรมของฝ่ายต่อต้าน ในโลกโซเชียลเอง ก็มีการประณามและสาปแช่งกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาล และเผยแพร่ภาพความรุนแรงของทหารฝ่ายรัฐบาล ด้วยเช่นเดียวกัน การรับสื่อจึงจำเป็นต้องมีสติ และไม่หลงเชื่อต่อคำโฆษณาง่ายๆ

-บางคนอาจรายงานว่า ซีเรีย เป็นสงครามระหว่างศาสนา ระหว่างนิกาย ซุนนี- ชีอะฮ์ เริ่มแรกไม่ใช่เช่นนั้น ไม่มีประเด็นเรื่องการเหยียดนิกาย หรือ ศาสนา มาเป็นปัจจัยในการก่อสงครามในช่วงแรก เรื่องนิกาย เป็นเรื่องที่ถูกใส่เข้ามาทีหลัง เพื่อยกระดับสงครามให้เป็นสงครามศักดิ์สิทธิ์ และในช่วงแรก กลุ่มผู้ประท้วงก็ไม่ได้ประท้วงเพราะเรื่องนี้ แต่ประท้วงเพราะ ปัญหาว่างงาน คอรัปชั่น การขาดเสรีภาพทางการเมือง และประชาธิปไตย ดังที่กล่าวไปแล้ว แต่เพื่อทำให้รัฐบาลล้ม การฆ่าอย่างชอบธรรม จึงต้องอาศัยฝ่ายผู้รู้ศาสนา ที่คอยออกคำฟัตวาให้เข้าร่วมสงครามครั้งนี้ และในข้อเท็จจริง ชุดคณะรัฐบาลของบาชาร ก็มีซุนนีมากกว่าชีอะฮ์ แม้แต่บาชารเองยังนมาซกอดอก และยังมีผู้รู้ซุนนี่หลายท่านที่ให้การสนับสนุนฝ่ายรัฐบาล เช่น อะฮหมัด ฮัซซูน และ รอมฎอนบูฏีย์ ปราชญ์ใหญ่ซีเรีย การจะพูดว่าบาชารรบกับฝ่ายต่อต้าน เพราะบาชาร เป็นชีอะฮ์ และฝ่ายต่อต้านเป็นซุนนี่ จึงไม่ถูกต้อง แต่มันคือ การสร้างกระแส ”พวกมึง พวกกู” เพื่อให้การฆ่าเป็นเรื่องง่ายและข้อที่ว่า บาชาร ปล่อยตัวนักรบหัวรุนแรงบางกลุ่ม เพื่อสร้างความชอบในการทำสงครามให้กับตนเอง ความจริงแล้ว บาชารแทบหาความชอบธรรมในด้านนี้ไม่ได้เลย การปล่อยนักโทษ การแลกเปลี่ยนตัว เป็นเรื่องที่กระทำกันในตะวันออกกลางอยู่แล้ว และไม่ว่าบาชารจะปล่อย หรือ จับ กลุ่มนักรบสลาฟีย์หัวรุนแรง ก็ยังโจมตีฝ่ายรัฐบาลต่อไป การที่บาชารปล่อยนักรบสลาฟีย์เหล่านี้ 10-20 คน เพื่อแลกเปลี่ยนตัวทหารของฝ่ายตน ไม่ได้หมายความว่า นักรบสลาฟีย์หมื่นคนที่ไม่ถูกจับจะอยู่เฉย พวกเขาก็ยังยิงต่อไป ดังนั้นข้อที่ว่า การปล่อยตัวพวกแนวคิดสุดโต่ง เพื่อให้เข้าร่วมกับกลุ่มกบฏ และทำให้พวกเขาสูญเสียความชอบธรรมในการต่อสู้กับรัฐบาล จึงไร้น้ำหนัก และข้อเท็จจริงที่ว่ากลุ่มแนวคิดสุดโต่งเหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์จากต่างชาติ ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
-ถ้าวิเคราะห์และสังเกตถึงกระแสการปฏิวัติในช่วง ISLAMIC AWAKENING จะเห็นว่า สโลแกนหนึ่ง ที่ประชาชนในตะวันออกกลางใช้ คือ ประโยค “DOWN WITH USA” “DOWN WITH ISRAEL” ผู้คนต่างหยิบป้าย ชูขึ้น พร้อมๆ กับตะโกนขับไล่ ผู้นำเผด็จการซึ่งเป็นหุ่นเชิดของสหรัฐ
ทว่าในตอนนี้ กลุ่ม ตักฟีรีย์ ได้เปลี่ยนและบิดเบือนกระแสการต่อต้านดังกล่าวให้กลายเป็นสงครามภายในประเทศและการเข่นฆ่ากันเองระหว่างมุสลิม ส่วนผู้ไม่ใช่มุสลิมแต่อยู่ในเขตพื้นที่ก็ต้องกลายเป็นเหยื่อ และถ้าเป็นมุสลิมก็ต้องโดนทรมานที่โหดร้ายทารุณยิ่งกว่าเหตุการณ์ในหลายปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ขบวนการตักฟีรีย์ โดยเฉพาะ ISIS ได้บิดเบือน และเบี่ยงเบนกระแสการปฏิวัติ แล้วกลับมาทำลายกระแสนี้ ด้วยการอ้างภาพลักษณ์ของอิสลาม
-การสั่งยิงขีปนาวุธโทมาฮอล์ก โดย โดนัลทรัมป์ ใส่ซีเรีย ทำให้เกิดกระแสประณามจากผู้คนทั่วโลก ตอบโต้การใช้อาวุธเคมี แต่ทำไมการยิงระเบิดฟอสโฟรัสโดยอิสราเอล ใส่ปาเลสไตน์ กลับเป็นเรื่องที่ชอบธรรม และอันที่จริง ข้อเท็จจริง เรื่องการใช้อาวุธเคมีของรัฐบาลซีเรีย ก็ยังเป็นเรื่องคลุมเครือ เพราะทางรัฐบาลซีเรีย ก็นำหลักฐานที่พิสูจน์ว่า ฝ่ายกบฏต่างหากที่ใช้อาวุธเคมี และการยิงครั้งนี้ ยังเป็นเหมือนกับการเผาเงินของประชาชนชาวอเมริกัน ทางด้านปูติน ก็แสดงปฏิกิริยา ต่อการยิงครั้งนี้ โดยประธานาธิบดีปูติน ออกแถลงว่าการโจมตีครั้งนี้เป็น “การรุกรานอธิปไตยของรัฐเเละเป็นการละเมิดบรรทัดฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ” และเป็นแค่ “ข้ออ้าง” ที่แฝงมาเท่านั้น และในตอนนี้ทรัมป์ ซึ่งก้าวมาสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี โดยนโยบายอเมริกันต้องมาก่อน ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ทำตามนโยบายที่กล่าวเสียแล้ว สุดท้าย ทรัมป์ จึงอยู่บนทางสองแพร่ง ระหว่าง เล่นการเมืองนอกประเทศ ตีซีเรีย เป็นอริกับอิหร่าน หรือ สร้างงานสร้างอาชีพให้ชาวอเมริกัน
ปัจจุบัน ปัญหา ซีเรียกลายเป็นวิกฤตทางด้านมนุษยธรรมที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน และสงครามครั้งนี้จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์การนองเลือดของมนุษยชาติ การแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง คือ การทำลายการกดขี่ และความอธรรม และแทนที่มันด้วยความยุติธรรม และคุณธรรม หากกระชากหน้ากากของเหล่าผู้ก่อการร้ายตัวจริง และปลุกให้มนุษย์ตื่น สงครามนี้ก็อาจจะสงบลง
“โอ้ลูกเอ๋ย จงเป็นศัตรูกับผู้กดขี่ และจงช่วยเหลือผู้ถูกกดขี่”
อาลี บิน อบีฏอลิบ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม
-ค้นพบคลังอาวุธของตะวันตกในอาเลปโปซีเรีย http://www.abnewstoday.com/8937
-กลุ่มก่อการร้ายใช้อาวุธเคมีโจมตีอาเลบโป ซีเรีย http://www.abnewstoday.com/8753
-อิสราเอลโจมตีซีเรีย เพื่อ?? http://www.abnewstoday.com/9779
-สงครามในภูมิภาคเกิดจากความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ใช่หลักความเชื่อทางนิกาย
http://www.abnewstoday.com/9174
-ขุดเบื้องหลัง “กลุ่มก่อการร้าย” ในตะวันออกกลาง http://www.abnewstoday.com/718
-ข้อเท็จจริงของแนวคิด “ตักฟีรี” (ISIS) คืออะไร?? http://www.abnewstoday.com/1983
-การเปลี่ยนแปลงที่อันตรายในซีเรีย … ชนวนสู่สงครามโลกครั้งที่สาม? http://www.abnewstoday.com/8403
-หัวหน้าผู้ก่อการร้ายในซีเรียประกาศชัด “เป้าหมายของเราไม่ใช่ทำสงครามกับอิสราเอลแต่เพื่อโค่นล้มอัสซาด” http://www.abnewstoday.com/8369
-กองทัพซีเรีย “บันทึกเสียงสนทนาอเมริกากับไอซิส” ก่อนโจมตีเมือง DeirEzzor http://www.abnewstoday.com/8329
-มุฟตีย์ซาอุฯ ออกสาส์นด่วนถึงกลุ่มก่อการร้ายในซีเรีย เรียกร้องผนึกกำลังทำสงคราม http://www.abnewstoday.com/8282
-ทำไมอเมริกาบุกโจมตีซีเรีย ? http://www.abnewstoday.com/8275
-อิสราเอลโจมตีทางอากาศที่ราบสูงโกลานในซีเรีย http://www.abnewstoday.com/8132
-นักวิเคราะห์การเมืองชี้ อเมริกาและตุรกีหวังผลประโยชน์ของตนในซีเรีย http://www.abnewstoday.com/8069
-เจาะวิธีการส่งอาวุธของ “ซาอุดิอาระเบีย” ให้กับกบฏและกลุ่มก่อการร้ายในซีเรีย ? http://www.abnewstoday.com/7841
-อาวุธของกลุ่มก่อการร้ายในซีเรียผลิตมาจากไหน ? http://www.abnewstoday.com/7413
-นักวิเคราะห์ชี้ การยุติสงครามในซีเรียเป็นข้ออ้างของอเมริกาเพื่อติดอาวุธให้กับกลุ่มก่อการร้าย http://www.abnewstoday.com/6974
-ซาอุฯ ประกาศชัด ต้องจัดหาจรวดต่อต้านอากาศยานให้ฝ่ายกบฏในซีเรีย http://www.abnewstoday.com/6941
– 10 นายพลกองทัพซาอุฯ ยื่นจดหมายแก่ “มกุฎราชกุมาร” คัดค้านส่งทหารภาคพื้นดินเข้าซีเรีย http://www.abnewstoday.com/6928
-สหรัฐฯ พึ่งเงินซาอุฯ หนุนกบฏซีเรีย ส่วนหนึ่งจากความสัมพันธ์แบบ ‘น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า’ ร่วมทศวรรษ http://www.abnewstoday.com/6690
-รัสเซีย – ซีเรีย – นาโต้ …ผลพวงแห่งความบังเอิญกระนั้นหรือ? http://www.abnewstoday.com/6088
-อิสราเอล ออกมายอมรับเข้าแทรกแซงซีเรียจริง
http://www.abnewstoday.com/6053
สหรัฐส่งอาวุธให้กลุ่มกบฏซีเรียกว่า 50 ตัน http://www.abnewstoday.com/5659
[1]https://youtu.be/W3HWiydFlJc
[2]หลักฐานมากมายที่ยืนยันว่า ตัวการหลักของวิกฤตซีเรีย มาจาก ตะวันตก และ ชาติอาหรับเหล่านี้ โดยเราสามารถแบ่งหลักฐานออกเป็นสองประเภท นั่นคือการสนับสนุนทางอาวุธ เงิน การฝึกฝนฝ่ายต่อต้าน และ การสนับสนุนโดยใช้คำฟัตวาจากผู้รู้ทางศาสนา โดย อาวุธที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลใช้ คือปืนไรเฟิล “M4” ผลิตจากอเมริกา ปืนที่ใช้สำหรับกองกำลังพิเศษ “PSL-54” ผลิตในโรมาเนีย อาวุธตั้งบนไหล่ยิงต่อต้านรถถังตุรกี “Har-66″ซึ่งเป็นตัวอย่างของอาวุธต่อต้านรถถัง”M-72 LAW” ผลิตในอเมริกาและยังมีการค้นคบคลังอาวุธสำคัญ ในพื้นที่ บาบุลฮะดิด และ บาบุลนัศร์ ในเขตอเลปโป โดยในคลังนี้ ฝ่ายกองทัพซีเรียค้นพบขีปนาวุธ C 120 เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีรายงานจากสำนักข่าวบอลข่านว่า เครื่องบินขนส่งสินค้าโบอิ้ง747ของซาอุดิอาระเบีย จะทำการบินเป็นประจำทุกเดือนจากสนามบินเจดดาห์ไปยังสนามบินโซเฟียในบัลแกเรีย และจากขนส่งอาวุธและอุปกรณ์ทางทหารมากถึง 80- 90 ตันเป็นประจำทุกเดือน จากนั้นเครื่องบินขนส่งซาอุดีอาระเบียหลังจากออกจากสนามบินโซเฟียก็จะบินไปยังสนามบินทาบักทางตอนเหนือของประเทศซาอุฯ เมื่อพิจารณาแล้ว จะเห็นว่า เมืองทาบัก (Tabuk ) ของซาอุดีอาระเบียจะติดกับชายแดนของจอร์แดน และอาวุธที่ริยาดสั่งซื้อจากบัลแกเรียนั้นจะถูกส่งไปยังจอร์แดน และจากที่นั่นจะถูกส่งไปยังประเทศซีเรียให้กับพวกก่อการร้ายและกลุ่มก่อการร้ายที่ได้รับการสนับสนุนโดยซาอุดิอาระเบีย อีกด้านหนึ่งยังมีรายงานเปิดเผยว่า บารัค โอบามา เป็นผู้สั่งการให้ซีไอเอฝึกนักรบกลุ่มไอซิส (the Islamic State of Iraq and Syria) โดยเอกสารที่ถูกเปิดเผยนี้มาจากกลุ่มเฝ้ามองระบบยุติธรรมหรือ Judicial Watch เช่นเดียวกัน เว็บไซต์ ข่าว WND (www.wnd.com) ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงวอชิงตันดีซี เผยแพร่รายงานพิเศษระบุ แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทางการจอร์แดน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว WND ว่า สมาชิกกลุ่มก่อการร้าย รัฐอิสลามแห่งอิรักและลิแวนต์ (ISIS, ISIL หรือ ดาอิช) ได้รับการฝึกอาวุธในปี 2012 โดยครูฝึกชาวสหรัฐที่ฐานลับในประเทศจอร์แดนแน่นอนยังมีหลักฐานอื่นๆอีกมากมาย แต่นี่คือตัวอย่าง และ
[3]https://www.washingtonpost.com/news/checkpoint/wp/2016/11/22/report-islamic-state-has-used-chemical-weapons-52-times-in-iraq-and-syria-since-2014/
[4]https://www.nytimes.com/2016/11/21/world/middleeast/isis-chemical-weapons-syria-iraq-mosul.html?_r=0