หลังจากการขึ้นมาของรัฐบาล “โดนัลด์ทรัมป์” ในอเมริกา บางคนได้คาดเดาในประเด็นนโยบายต่างๆของทำเนียบขาวที่มีต่อเยเมน แม้นว่าในภาพภายนอกวอชิงตันแสดงเจตจำนงที่จะแก้ไขและคลี่คลายวิกฤติในเยเมนผ่านการเจรจา แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้วยังคงสานต่อนโยบายเดิมๆในการล่าอาณานิคมประเทศต่างๆอย่างต่อเนื่อง ซึ่งด้วยเหตุนี้อย่าได้คาดหวังใดๆว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงท่าทีและจุดยืนของทำเนียบขาว มิหน้ำซ้ำผลประโยชน์ของตนต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก
แหล่งข่าวเยเมน “Najm Alsaqb” ได้รับการตีพิมพ์บันทึกหมายเหตุเกี่ยวกับเรื่องนี้ และชี้ว่าการหลั่งไหลส่งอาวุธของอเมริกาให้กับซาอุดิอาระเบียใช้ในเยเมน แสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องของสงคราม
Najm Alsaqb ในบันทึกเขียนว่า ” รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกาอ้างว่าวัตถุประสงค์หลักของทำเนียบขาวในสงครามเยเมนคือการเข้าสู่โต๊ะเจรจาภายใต้การสังเกตการณ์โดยสหประชาชาติ แต่ข้อตกลงการซื้อขายอาวุธจากอเมริกาและประเทศพันธมิตรโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศซาอุดิอารเบียและยูเออีนั้น แสดงให้เห็นถึงมิติที่สองของวัตถุประสงค์และเป้าหมายของอเมริกาในสงครามครั้งนี้ได้อย่างชัดเจน
ผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองเชื่อว่าเป้าหมายของอเมริกาในสงครามเยเมนยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่อย่างใดนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของสงครามในเยเมน แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลอเมริกาก็ตาม และ ในวันนี้ “โดนัลด์ทรัมป์” เป็นหัวหน้ารัฐบาล
วัตถุประสงค์ที่สำคัญที่สุดของอเมริกาในช่วงสงครามในเยเมนมีดังต่อไปนี้:
1 ฟื้นฟูเศรษฐกิจที่พิการผ่านการขายอาวุธให้กับบรรดาผู้รุกรานในเยเมนด้วยหนี้เลือดของชาวเยเมน
2. การครอบงำช่องแคบ บับเอลมันเดบ ในฐานะเป็นทางเลือกใหม่แทนช่องแคบ Hormuz ในกรณีที่มีการประกาศสงครามกับอิหร่าน
3. การทำให้เยเมนเป็นสนามสำหรับกลุ่มก่อการร้ายในกรณีที่พ่ายแพ้และล้มเหลวในซีเรียอิรักและลิเบีย
4. สำแดงอำนาจและการครอบงำของตนให้เป็นที่ประจักษ์เหนือพันธมิตรตะวันตกของพวกเขา
5. การขยายตัวของฐานทัพทหารในภูมิภาค
6. รักษาความปลอดภัยของระบอบการปกครองอิสราเอล หากล้มเหลวที่จะบดขยี้การปฏิวัติในเยเมนและป้องกันการก่อตัวขององค์กรเช่นฮิซบุลลอฮ์เลบานอนในเยเมน
ตามความเชื่อของเจ้าหน้าที่บางคนในคณะรัฐบาลอเมริกา การบุกโจมตีอย่างหนักในเยเมนภายใต้การนำของซาอุดิอาระเบียนั้นถือเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรง และสงครามนี้ถือเป็นความทุกข์โศกแก่ชาวเยเมนและซาอุดิอาระเบีย
จรวดขีปนาวุธของเยเมนถือเป็นสิ่งที่อันตรายสำหรับจังหวัดต่างๆของซาอุดีอาระเบียโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศของซาอุดิอารเบีย จนถึงขณะนี้ก็ยังล้มเหลวในการสกัดขีปนาวุธดังกล่าวและแม้ว่าซาอุดิอาระเบียจะมีการติดตั้งระบบป้องกันภัยที่ทันสมัยที่สุดจากอเมริกาและอิสราเอลและผ่านการฝึกอบรมโดยกองกำลังสหรัฐแล้วก็ตาม กระนั้นก็ตามขีปนาวุธเหล่านี้สามารถยิงลึกเข้าไปในดินแดนของประเทศซาอุดิอาระเบียอย่างแม่นยำ
การที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกาได้เยือนริยาด มีขึ้นหลังจากที่กองทัพเยเมนและกองกำลังอาสาสมัครเยเมนยังคงยิงขีปนาวุธโจมตีซาอุดิอาระเบียอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในเขตชายฝั่งตะวันตกของเยเมนซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากสำหรับซาอุดิอาระเบีย
การปฏิบัติการล่าสุดที่ผ่านมาในดินแดนซาอุดีอาระเบียและชายฝั่งตะวันตกของเยเมน เป็นการส่งสาส์นที่ชัดเจนให้กับรัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา
ขณะนี้เหล่าผู้นำเยเมนได้ตระหนักถึงสงครามตามความต้องการของตนเอง ในทุกๆด้านและเยเมนยังสามารถต้านทานต่อการถูกโจมตีใด ๆทั้งทางบกหรือทางทะเลและในภาคอากาศก็เช่นกันที่มีระบบที่สามารถสอยอากาศยานของพันธมิตรซาอุดิอาระเบียได้อย่างแม่นยำ
ซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรของพวกเขากำลังพยายามที่จะให้ชนะในภาคสนาม โดยพยายามแสดงภาพให้เห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันภายใต้ร่มเงาของการสนับสนุนของรัฐบาลทรัมป์จะสามารถบรรลุสู่ชนะในที่สุด แต่ในทางปฏิบัติการบรรลุชัยชนะของพันธมิตรย่อมยากลำบากมากยิ่งขึ้นและการปฏิบัติการทางทหาร ในเยเมนจะมีแต่ให้เกิดสงครามที่ยาวนานและยืดเยื้อและจะนำไปสู่การนองเลือดเพียงเท่านั้นเอง
ในช่วงท้ายควรตั้งข้อสังเกตว่าการตัดสินใจโจมตีเยเมนก็ยังคงอยู่ในวังวนแห่งความสับสนเนื่องจากว่าปัญหาวิกฤติในเยเมนไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเมืองและการทหาร ทว่าท้ายสุดแล้วพวกเขาจะเข้าใจว่าไม่มีแนวทางใดที่จะแก้ไขวิกฤติในเยเมนได้เว้นแต่การยอมจำนนต่อความต้องการของประชาชนชาวเยเมน และยอมรับในอิสรภาพทางเลือกของพวกเขา