ผู้นำการปฎิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ซัยยิดอาลี คามาเนอี กล่าวในการปิดงานการแข่งขันอ่านพระมหาคัมภีร์ อัล กุรอ่าน นาๆชาติ ซึ่งประเทศอิหร่านเป็นเจ้าภาพ เมื่อเช้าวันที่ 28 เมษายน เตือนประชาชาติมุสลิมให้ระวังความพยายามของตะวันตก ที่จะเข้ามาครอบงำเศรษฐกิจและการเมือง,การปกครองในประเทศมุสลิม ชี้ ประชาชาติมุสลิมต้องยึดมั่นในความเป็น”อัตลักษณ์ อิสลาม”เพื่อเป็นภูมิต้านทานต่อความพยายามดังกล่าว
เมื่อช่วงเช้าของวันพฤหัสที่ผ่านมา บรรดาคณาจารย์และนักกอรีและนักท่องจำอัลกุรอานจาก 83 ประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันการทดสอบอัลกุรอานระดับนานาชาติ ครั้งที่ 34 เข้าพบผู้นำการปฏิวัติอิสลาม โดยผู้นำสูงสุดถือว่า อัตลักษณ์อิสลามนั้น จะเป็นภูมิคุ้มกันของการแทรกซึมและอำนาจของบรรดาศัตรู อีกทั้งท่านยังชี้ถึงเป้าหมายของฝ่ายศัตรูในการทำลายอัตลักษณ์ของศรัทธา และกล่าวว่า มะอาริฟของอัลกุรอานนั้น เป็นสิ่งที่รอดพ้นและเสริมสร้างอำนาจและเกียรติยศให้กับประชาชาติอิสลาม ซึ่งจะต้องมีการนำมาในรูปแบบของการเสวนาอย่างเปิดเผยและชัดเจนในสังคมต่างๆของอิสลามด้วย
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเพียรพยามในการเข้าใจในอัลกุรอานคือ ความดีงามอันยิ่งใหญ่ที่สุด และเน้นถึง ความจำเป็นในการดำเนินอย่างต่อเนื่องของการขับเคลื่อนอัลกุรอานในประเทศ โดยกล่าวเสริมว่า ช่างเป็นสิ่งที่น่าเสียใจยิ่งนัก ที่เราในฐานะประชาชาติอิสลามและประเทศอิสลาม ยังห่างไกลจากหลักคำสอนของอัลกุรอานเสียเหลือเกิน อีกทั้งเรานั้นยังไม่รู้จักถึงความหมายที่แท้จริงของอัลกุรอาน
ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม เน้นย้ำว่า การปฏิเสธฏอฆูต(เผด็จการที่ชั่วช้า) และการมีศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ก็คือ หนึ่งในแบบอย่างของความหมายที่สำคัญและการสร้างอัตลักษณ์ของอัลกุรอาน โดยกล่าวว่า การเน้นถึงอัตลักษณ์อีหม่าน(ศรัทธา) มิได้หมายถึง การทำสงครามและการตัดความสัมพันธ์กัน แต่หมายถึง การเป็นอิสระเสรีและการปิดกั้นเขตเพื่อป้องกันอัตลักษณ์ของศรัทธาในการเผชิญหน้ากับอัตลักษณ์ของฏอฆูตและการปฏิเสธ อีกทั้งจะต้องมีการพัฒนาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ปัญหาในวันนี้ของประชาชาติอิสลาม ก็คือ การมีอำนาจทางวัฒนธรรม,เศรษฐกิจและทางการเมืองของตะวันตก โดยกล่าวเสริมว่า ในวันนี้ ประเทศอิสลามส่วนใหญ่ยังไม่มีอัตลักษณ์ของอิสลาม แม้ว่าประชาชนจะเป็นผู้ที่ปฏิบัตินมาซและถือศีลอดก็ตาม ด้วยการไร้ซึ่งอัตลักษณ์โดยรวมของอิสลาม ทำให้บรรดาศัตรูนั้นมีความสามารถแทรกซึมเข้ามาในวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมืองและความสัมพันธ์ทางสังคมได้ อีกทั้งยังก่อให้เกิดสงครามและการดูถูกเยียดหยามกันในหมู่ชาวมุสลิมด้วยกัน
ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเข้าใจและการปฏิบัติตามหลักการของอัลกุรอาน การมีศรัทธาต่อพระเจ้าและปฏิเสธฏอฆูต ทำให้ประชาชาติมีการเปลี่ยนแปลงและยังเป็นความภาคภูมิใจ โดยกล่าวเสริมว่า วันนี้โลกของผู้ปฏิเสธต้องการที่จะทำลายอัตลักษณ์ของอิสลามในทุกพื้นที่ทั่วโลก
ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การออกห่างจากอัลกุรอานเป็นสาเหตุให้บรรดาศัตรูได้ใช้ประโยชน์จากการฉวยโอกาสในการฉีดวัคซีนของการปฏิเสธ และการเชื่อมสัมพันธ์กับสิ่งเหล่านี้ และกล่าวเสริมว่า สถานการณ์ในวันนี้ของรัฐบาลและประเทศอิสลามในการเผชิญหน้ากับอเมริกาและไซออนิสต์และบรรดาผู้ริดรอนสิทธิ ล้วนเกิดจากการห่างไกลจากอัลกุรอาน หากว่าเรานั้นได้เข้าใกล้กับอัลกุรอานและอัตลักษณ์ของอิสลามแล้ว ปัญหาทั้งหมดก็จะถูกขจัดอออกไปจนหมดสิ้น
http://www.presstv.ir/DetailFa/2017/04/27/519640/Iran-Leader-Quran