ผลสำรวจชี้ อเมริกาเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อความมั่นคงระดับโลก

1335

ทัศนคติเชิงลบของประชาชนโลกที่มีต่ออเมริกาคนได้เพิ่มสูงขึ้นหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี

ผลการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของสถาบัน “Pew” เกี่ยวกับภัยคุกคามจากอเมริกาแสดงให้เห็นถึง ตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้น ของผู้คนในโลก ผู้ซึ่งเชื่อว่าอำนาจและอิทธิพลของสหรัฐฯเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่และแท้จริงสำหรับประเทศของพวกเขา

นับเป็นประเด็นที่แสดงให้เห็นถึงอัตราที่ลดลงเป็นอย่างมากของความพึงพอใจและความไว้วางใจของประชาชนโลกต่อประธานาธิบดีอเมริกา อาจกล่าวได้ในอีกนัยหนึ่งว่า ทัศนคติเชิงลบของประชาชนโลกที่มีต่ออเมริกาขณะนี้ได้เพิ่มสูงขึ้นหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี และการเพิ่มขึ้นสูงเช่นนี้ มีทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ

ตามการสำรวจความคิดเห็นของสถาบันอเมริกันที่เปิดเผยในวันที่ 5 ของเดือนกรกฎาคมปีนี้ ระบุว่า ร้อยละ 38 ของผู้ถูกสัมภาษณ์ โดยเฉลี่ยมากกว่าสามสิบประเทศ เชื่อว่าอำนาจและอิทธิพลของอเมริกาเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อประเทศของพวกเขา นอกจากนี้ ยังพบว่าตัวเลขดังกล่าวมีอัตราที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13 เมื่อคำนวณเทียบกับการสำรวจในปี 2013

สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้แต่ชาวอเมริกันเองก็ออกมาสรุปว่า ประชาชนโลกถือว่าอเมริกาเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อสันติภาพโลก เมื่อพวกเขาคำนึงถึงปัจจัยและเหตุผลต่างๆสำหรับความกลัวและหวาดวิตกของประชาชนโลกในอำนาจและอิทธิพลของอเมริกา

การก่อสงครามของอเมริกาก็เป็นหนึ่งในเหตุผลดังกล่าว สหรัฐอเมริกา-มากกว่าประเทศใด ๆ ในโลกที่ ได้ทุ่มเงินเพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร และเข้าร่วมในสงครามและการโจมตีนอกชายแดนมากกว่าชาติอื่นๆทั้งหมด การส่งทหารในอัฟกานิสถาน อิรักและซีเรียเป็นเพียงส่วนหนึ่งของนโยบายการขยายอาณานิคมและความอหังการของสหรัฐอเมริกา ด้วยข้ออ้างอันจอมปลอมในการต่อสู้กับการก่อการร้ายและการสร้างสันติภาพและความมั่นคงในโลก จนถึงวันนี้มีผู้คนนับล้านคนต้องเสียชีวิต สร้างความเสียหายและผลกระทบที่ไม่สามารถแก้ไขได้ให้กับแผนสร้างสันติภาพระหว่างประเทศและการรักษาความปลอดภัย

จำต้องกล่าวว่าอเมริกามักอ้างอยู่เสมอว่าการเข้าไปในประเทศต่างๆเพื่อรักษาความปลอดภัยและช่วยในการพัฒนาประเทศ ขณะที่ความเป็นจริงกลับขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างนี้ พวกเขาเข้าไปสร้างความไม่มั่นคงและก่อปัญหาสำหรับประเทศเหล่านี้

ด้วยการนี้ การแทรกแซงของอเมริกาในประเทศต่างๆ หลังจากการสิ้นสุดของสงครามเย็นจึงทวีความรุนแรงมากขึ้น และตอนนี้มันได้มาถึงจุดที่ ความกังวลของทั่วโลกต่อการกระทำของอเมริกานั้น กลายมาเป็นสิ่งปกติธรรมดา และไม่เป็นเรื่องที่แปลกแต่อย่างใด เหตุผลเพราะจุดยืนและท่าทีของรัฐบาลทรัมป์ที่แตกต่างจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่ค่อยจะที่สงวนท่าทีและรักษาภาพลักษณ์ของวอชิงตันในความคิดเห็นของประชาชนมากสักเท่าไหร่ มีเพียงแค่คิดที่จะให้บรรลุสโลแกน “อเมริกาเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียวของโลก” เพียงเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มุมมองนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ที่มุ่งเน้นในเรื่องกอบโกยผลกำไร ทำให้เขาเลือกประโยชน์ของตนเองในเชิงพาณิชย์มากกว่าเชิงทางการเมือง

เช่นเดียวกันนั้น อเมริกายังเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์เบอร์หนึ่งของโลกอีกด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของประเภทภัยคุกคามในโลกไซเบอร์นี้คือ การโจมตีทางไซเบอร์ของอเมริกาและไซออนิสต์ต่ออิหร่าน จีนและรัสเซีย
จากมุมมองนี้รัสเซียจีนและอิหร่านเป็นศูนย์กลางการถูกโจมตีทางไซเบอร์โดยอเมริกา ดูเหมือนว่าอเมริกาในปีที่ผ่านมาได้มุ่งเน้นการดำเนินงานในโลกไซเบอร์เพิ่มมากขึ้น โดยหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ของอเมริกาเปิดเผยว่าเมื่อย้อนกลับไปยังจุดสูงสุดของปฏิบัติการลับสุดยอดทางไซเบอร์ของอเมริกาเมื่อปี 2011 พบว่า “สามในสี่” ของเป้าหมายในการดำเนินงานในประเทศ คือ รัสเซีย จีน เกาหลีเหนือและอิหร่าน

Source: iribnews