ตาม รายงานของสำนักข่าว ปาเลสไตน์ มะอาน ได้ระบุว่า กฎหมายดังกล่าวได้ถูกบัญญัติขึ้น ในชั่วโมงสุดท้าย ของวัน อาทิตย์ ที่ผ่านมานี้ ( ๒๓ กุมพาพันธ์) และพวกเขาได้กำหนดเส้นตายให้ชาวปาเลสไตน์ ย้ายออกไปจาก ที่พักอาศัยของตัวเองทางแถบตะวันออกของอัลกุดส์
ภายในวันที่ ๓ มีนาคมนี้
ฮา นีย์ ฮัลบียะฮ โฆษกตัวแทนประชาชนชาวปาเลสไตน์ กล่าวว่า “มีชาวปาเลสไตน์ ที่เป็นเบดูอิน ประมาณ ๓๐๐ คน ที่ อพยพมาจากอาหรับ ญะฮาลีน ซึ่งพวกเขาได้ สร้างที่พักอาศัย จากวัสดุพื้นฐาน เช่น เหล็ก ไม้ และอื่นๆ ประมาณ ๒๒ หลัง รวมทั้งกระโจมต่างๆ ซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่”
และยัง มีรายงานอีกว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทหารอิสราเอล ได้ทำลายพี่พักอาศัย ชาวเบดูอิน ใน เขต อัลอัซรียะฮ ด้วยรถแทรกเตอร์ เสีนหาย ๕ หลัง ทำให้ชาวปาเลสไตน์ ไร้ที่อยู่อาศัยทันทีกว่า ๕๐ คน ด้วยกัน
ชาวปาเลสไตน์เบดูอิน ได้อพยพ ย้ายถิ่น จาก ญะฮาลีน ในปี ๑๙๔๘ และอาศัยอยู่ในทะเลทราย
“นะกับ” ตั้งแต่นั้นมา แต่ก็ยังถูกกองทัพอิสราเอล ขับไล่ ครอบครัว และปู่ย่าตายาย ของพวกเขาตั้งแต่ ช่วงต้น ปี ๑๙๕๐
ทั้งนี้อิสราเอลมีเป้าหมาย ในการขยายเมือง “มะอัลอะโดมีม” จึงได้พยายามขับไล่ ประชาชนปาเลสไตย์จากภูเขา อัลบาบา ออกไป
นับ แต่อิสราเอล ได้เข้ายึดแผ่นดิน ปาเลสไตน์ และฉนวนกาซ่าในสงคราม ๖ วัน ปี ๑๙๖๗ แม้ต่อมา ในปี ๒๐๐๕ จะต้องล่าถอยออกจากกาซ่า แต่พวกเขาก็ได้หลั่งเลือดประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างมากมาย ในดินแดนแห่งนี้
และยังฝืนคำสั่งของ สหประชาชาติ ที่ถือว่าอิสราเอล ได้กระทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย ตามสนธิสัญญาเจนีวา ที่ ระบุห้าม คู่สงคราม ต้องห้ามในการ ปลูกสร้างอาคาร และที่อยู่อาศัยบนแผ่นดินที่ยึดครอง