การปิดฉากกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสตักฟีรีย์ในอิรักและซีเรียถือเป็นการแสดงให้เห็นความพ่ายแพ้อย่างแท้จริงของกลยุทธ์ของซาอุดิอาระเบียในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ริยาดใช้ไอซิสเป็นเครื่องมือในการก่อเหตุรุนแรงเพื่อเอาชนะอาหรับสปริง แต่การก่อการร้ายกลับมุ่งเป้าไปยังอิหร่าน
การพบปะของประธานาธิบดีบัชชาร์ อัสซาดแห่งซีเรีย ( Bashar Al-Assad ) อย่างกะทันหันกับประธานาธิบดีปูติน ( Vladimir Putin ) ก่อนการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีอิหร่าน ตุรกีและรัสเซียในโซซี แสดงให้เห็นว่า ได้มีการจัดเตรียมเหตุการณ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองดามัสกัส แต่ทั้งนี้ย่อมมีสิ่งกีดขวาง เช่นสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียใต้โต๊ะเจรจาของรัสเซียเป็นแน่
บางฝ่ายเชื่อว่า รากฐานของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียกำลังจะล่มสลาย ขณะที่ซาอุดิอาระเบียกำลังจะย้ายอำนาจการปกครองแบบเผด็จการในรูปแบบของครอบครัวตระกูลอัลซาอูด ไปสู่การปกครองแบบเผด็จการของตัวบุคคลนั้นคือ โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน
การสะสมทรัพย์สมบัติและความมั่งคั่งของครอบครัวซาอุดีอาระเบียให้อยู่ในมือของโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ผู้ที่จะขึ้นมาเป็นกษัตริย์แห่งกษัตริย์ซาอุดิอาระเบียคนต่อไป จะสร้างเจ้านายแห่งวงแหวน ผู้ที่มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่
เจ้าชายหนุ่มชาวซาอุดิอาระเบียที่บ้าอำนาจกับแผนวิสัยทัศน์ 2030 ในพยายามจะสร้างรัฐ(อำนาจ)ซาอุดิอาระเบียจากเอเชียตะวันตกไปยังแอฟริกาตะวันออก สิ่งที่อยู่หลังม่านที่โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน กำลังมุ่งเป้าอยู่นั้น ในความเป็นจริงแล้วคือ การดำเนินแผนในรูปแบบของอุซามะห์ บิน ลาเดน (Osama bin Laden) และกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะฮฺ ( al-Qaeda ) ที่ได้ดำเนินการตามแบบอย่าง “รัฐอิสลาม” มาบางส่วนแล้วแต่ล้มเหลวในที่สุด
โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ในภาคปฏิบัติ ได้หันหลังให้กับบรรพบุรุษของตน และพยายามที่จะปราบปรามผู้นำวะฮาบีซาอุดิอาระเบีย เพื่อให้ประเทศอยู่ในทางสายกลาง ไม่สุดโต่ง กษัตริย์ซาอุดิอาระเบียในอนาคต ต้องการจะแสดงโฉมหน้าใหม่ของซาอุดีอาระเบียในภาพลักษณ์แห่งความเอื้อเฟื้อ เมตตา และไม่อิงนิกาย แต่ธรรมชาติ(ตัวตน)แห่งความเป็นตักฟีรีรีย์ของพวกเขาก็ยังจะถูกเก็บรักษาไว้ มกุฎราชกุมารยังได้รับการช่วยเหลือเชิงกลยุทธ์จากวอชิงตันเสมอมา
บางคนเชื่อว่าการให้เสรีภาพทางสังคมแก่ประชาชนเพิ่มขึ้นโดยผิวเผินในซาอุดิอาระเบียนั้น จะนำไปสู่การปฏิวัติหรือการกลับมาของอาหรับสปริง ขณะเดียวกัน ดาบของบินซัลมาน ก็กำลังจ่อต้นคอบรรดาเจ้าชายซาอุดิอาระเบีย 250 คน และนักวิจารณ์ทุกคนจะถูกจับตัวมากุมขังและทรมาน
ข้อกังวลที่ใหญ่ที่สุดของบิน ซัลมาน ในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องการเมืองภายในประเทศซาอุดิอาระเบีย แต่ทว่าเขาต้องการกำจัดอิหร่านก่อน และจากนั้นตุรกีลำดับต่อไป โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานได้จัดเตรียมแผนทำลายอังการาผ่านชาวเคริดร์ในประเทศ เพื่อหลบสายตาของเออร์โดกาน
พฤติกรรมและจุดยืนของสมาพันธ์ชาติอาหรับแสดงให้เห็นว่า บินซัลมานได้รวมชาติอาหรับเหล่านั้นเข้าด้วยกัน เช่นกรณีที่เกิดขึ้นในอดีตในยุคสมัยของซัดดัม ฮุสเซ็น ที่เกิดการสู้รบกับอิหร่าน แต่ทั้งนี้จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถทำให้ประเทศต่างๆเช่นอิรัก เลบานอน หรืออียิปต์ เข้ามาเป็นแนวร่วมในเรื่องนี้ได้
อีกทั้งปัญหากาตาร์ยังเป็นปัญหาที่ท้าทายระบบการปกครองแบบดั้งเดิมของซาอุดิอาระเบีย ซึ่งซาอุดีอาระเบียต้องต่อสู้กับอิหร่านและประนีประนอมกับอิสราเอลเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าว ความขัดแย้งของกรุงริยาดกับเตหะรานหลังจากความพ่ายแพ้ของไอซิส ย่อมมีความแตกต่างอย่างมากในด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์กับอดีตที่ผ่านมา
ซาอุดิอาระเบียกำลังพยายามแสดงให้เห็นว่า อิหร่านเป็นรัฐบาลแทรกแซงที่แสวงหาสงครามศาสนา ในขณะที่พวกเขาเองเป็นสาเหตุหลักของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง สะอัด อัลฮะรีย์ (นายกรัฐมนตรีเลบานอน)ผู้ซึ่งติดอยู่ในคดีความทุจริตในประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อให้รอดพ้นจากความโหดเหี้ยมของบินซัลมานต้องยอมกล่าวโทษอิหร่านและ ฮิซบุลลอฮ์ เพื่อแสดงความจงรักภักดี
ซาอุดีอาระเบียและอิสราเอลกำลังกระหายสงครามในเลบานอน ซึ่งพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากกลุ่มผู้ลอบสังหารไอซิสและกลุ่มที่เหลืออยู่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตน
Source: akharinkhabar.ir