สัญญาณเชิงบวกในความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดิอาระเบีย – อิหร่าน ซึ่งบ่งชี้ถึงการสิ้นสุดความขัดแย้งทางการทูตระหว่างสองประเทศในอ่าวเปอร์เซีย
ฟัยซอล บิน ฟัรฮาน (Faisal bin Farhan ) รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดิอาระเบียเปิดเผยเมื่อวันพุธที่ 22 มกราคม ว่าประเทศของเขาพร้อมที่จะเจรจากับอิหร่าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดิอาระเบียกล่าวโดยเน้นย้ำว่าเรายินดีสู่การเจรจา ในเวลาเดียวกันเขากล่าวเสริมถึงความเต็มใจที่จะเจรจากับอิหร่านในประเทศของเขาว่า “เรายินดีถ้าอิหร่านไม่สนับสนุนแผนการและกลุ่มหัวรุนแรงต่างๆในภูมิภาค”
ฟัยซอล บิน ฟัรฮาน (Faisal bin Farhan )กล่าวเสริมว่า : “หลายประเทศได้เสนอเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยสำหรับการเจรจาระหว่างเรากับอิหร่าน เรามีความยินดีที่ภูมิภาคดังกล่าวลดความตึงเครียดกับอิหร่าน”
ถ้อยแถลงเช่นนี้สังเกตให้เห็นว่าซาอุดิอาระเบียหลังจากหลายปีของความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด มันได้ส่งสัญญาณบวกอีกครั้งเพื่อเริ่มต้นการเจรจาและการระงับข้อพิพาท
ซัยยิดมะห์มูด วาอีซีย์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหัวหน้าของฮะซัน โรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่านกล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ความสัมพันธ์ของอิหร่านกับซาอุดิอาระเบียไม่ควรเป็นเหมือนกับความสัมพันธ์ของอิหร่านกับสหรัฐ อิหร่านและซาอุดิอาระเบียควรทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหา ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศเพื่อนบ้านของเราที่ประสบปัญหามาระยะหนึ่งแล้ว และการทำสงครามกับเยเมนทำให้เกิดความวุ่นวายมากขึ้น นโยบายของอิหร่านจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านรวมถึงประเทศซาอุดิอาระเบีย
เขากล่าวเสริมว่า “ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศอิสลามและเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับริยาดในอดีตและในตอนนี้เราเชื่อว่า มันเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาคที่รัฐบาลและประเทศของทั้งสองประเทศแก้ปัญหาร่วมกันและไม่ปล่อยให้ระบอบอิสราเอลและศัตรูของประเทศอิสลาม มาฉวยโอกาสใช้ช่องว่างนี้ ”
รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน โมฮัมหมัด ญะวาด ชารีฟ ยังกล่าวในคำปราศรัยกับนักธุรกิจอินเดียในมุมไบเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองต่อการเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยของอินเดียเพื่อแก้ไขข้อพิพาทระหว่างสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านและซาอุดิอาระเบียว่า : “เราพร้อมที่จะเจรจากับซาอุดีอาระเบียและรัฐอื่น ๆ ในอ่าวเปอร์เซีย และเราพร้อมที่จะเสนอมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่นี้โดยเฉพาะในช่องแคบเฮอร์มุช และเรายังได้ให้คำแนะนำเพื่อสันติภาพและความมั่นคงในช่องแคบเฮอร์มุชด้วย”
ซาอุดีอาระเบียได้ปฏิเสธการมีปฏิสัมพันธ์ทางการทูตอย่างต่อเนื่องกับอิหร่านในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ซาอุดิอาระเบียได้รุกรานเยเมนและหลังจากที่โดนัลด์ทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และมีจุดยืนและท่าทีอันแข็งกร้าวต่ออิหร่านมากขึ้น แต่ข้อสังเกตล่าสุดของรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดิอาระเบียในถ้อยแถลงดังกล่าวมันเสมือนเป็นการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงท่าทีและจุดยืนดังกล่าว
ถ้อยแถลงล่าสุดโดยเจ้าหน้าที่อิหร่านและซาอุดิอาระเบียเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันหลังมีกระแสข่าวหนาหูขึ้นมาถึงความเป็นไปได้ในการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี อิมราน ข่าน แห่งปากีสถานก็ได้พยายามอย่างมากในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ
ตอนนี้มีการพูดคุยกันเรื่องการเจรจาลับๆระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบียหลายครั้ง แต่มีหลายปัจจัยที่ทำให้ประเทศมหาอำนาจทั้งสองไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ในอ่าวเปอร์เซียได้ในขณะนี้ด้วยการเริ่มต้นการเจรจาแบบเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองประเทศในภูมิภาคมันจะก่อให้เกิดความสงบและเสถียรภาพมากขึ้น
source: irna