ผลจากการบริหารประเทศภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีมาครงของฝรั่งเศส นำไปสู่การประท้วงอย่างหนัก และดำเนินต่อเนื่องเป็นระลอกอยู่หลายปี จนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในกรุงปารีส สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของหลักการประชาธิปไตยในฝรั่งเศส ที่บิดเบี้ยวไปเพราะอยู่ใต้อุ้งเท้าระบอบเศรษฐกิจทุนนิยม
นับตั้งแต่มาครง เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศส มีชื่อเสียงในทางที่เสียหายไปทั้งรัฐบาลว่า บริหารประเทศ โดยไม่มีการฟังเสียงประชาชน ทั้งยังดันทุรังกับนโยบายปฏิรูปภาษี และนโยบายอื่นๆ เพื่อนายทุนกลุ่มน้อย ซึ่งส่งผลกระทบ ทำให้คนระดับล่าง หรือ ประชาชนระดับรากหญ้าต้องเผชิญกับปัญหามากมาย
อย่างไรก็ดี เป็นที่วิพากษ์ วิจารณ์อยู่แต่ก่อนแล้วว่า มาครงไม่ใช่นักการเมืองที่มีวิสัยทัศน์ เมื่อเทียบกับวิสัยทัศน์ และนโยบายของมาดามเลอแปน ซึ่งทิ้งห่างกันอยู่หลายขุมเมื่อครั้งหาเสียง แต่(ไม่)บังเอิญว่า มาครงเป็นเด็กปั้นของกลุ่มทุนยิวไซออนิสต์ ในโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง บรรดาสื่อกระแสหลักยุโรปต่างๆ (ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุนเดียวกัน) จึงร่วมมือกันสร้างภาพ ทำให้เขาชนะการเลือกตั้ง และได้ตำแหน่งประธานาธิบดีมาครองในท้ายที่สุด
ทั้งนี้ทั้งนั้น หลังจากรัฐบาลมาครงบริหารประเทศไปได้ระยะหนึ่ง พบว่าประชาชนต่างมีปัญหากับนโยบายของเขา อันเป็นนโยบายที่แสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจต่อสวัสดิการของประชาชน เพราะมัวแต่มุ่งเน้นการทำประโยชน์ให้แก่นายทุนยิวไซออนิสต์กลุ่มน้อยในฝรั่งเศสเป็นหลัก โดยแรกเริ่ม ประชาชนเกาะกลุ่มกันประท้วงราคาน้ำมันที่แพงขึ้นก่อน จากนั้น ก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ระบบเศรษฐกิจและระบบการศึกษา เป้าหมายการประท้วงจึงกลายเป็นไล่รัฐบาลทุนนิยมไซออนิสต์ในที่สุด
มีการรวมกลุ่มของประชาชนเป็นกลุ่ม Yellow Vests (เสื้อกั๊กเหลือง) ประท้วงกฎหมายภาษีซึ่งไม่เป็นธรรมต่อคนระดับล่าง ต่อมาการประท้วงมีแนวร่วมเพิ่มเติมเป็นมวลมหาประชาชนฝรั่งเศสที่ออกมาประท้วงรัฐบาล ซึ่งดำเนินการปฏิรูปนโยบายรัฐบาล ยกเลิกบำเหน็จบำนาญแก่ประชาชน ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจ และพากันเดินออกมาประท้วง
การประท้วงที่ฝรั่งเศส ยังเป็นการประท้วงของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานสาธารณสุข ประกอบด้วยแพทย์ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และพยาบาลจำนวนหลายพันคน ซึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลฝรั่งเศสลงทุนกับงานสาธารณสุขให้มากกว่าเดิม เพราะเงินเดือน ตลอดจนสภาพแวดล้อมในที่ทำงานย่ำแย่มาก ปัญหา COVID-19 ที่มีอยู่ในประเทศปัจจุบัน ก็สะท้อนให้เห็นว่า พื้นฐานระบบสาธารณสุขของฝรั่งเศสยังตกต่ำมาก
นอกจากนี้ ประชาชนฝรั่งเศส ยังออกมาชุมนุมสนับสนุนสิทธิคนผิวดำเป็นการสมทบอีกด้วย สาเหตุเป็นเพราะ พวกเขาตระหนักถึงความนิ่งเฉยของประเทศยุโรป รวมถึงฝรั่งเศส ที่ไม่เคยออกมาประณาม การที่รัฐบาลอเมริกา กดขี่ข่มเหงคนผิวดำ เพราะบรรพบุรุษอเมริกากับยุโรปเป็นกลุ่มเดียวกัน มีประวัติร่วมกัน กดขี่คนผิวดำเป็นพลเมืองชั้น2 เหมือนกัน คนผิวดำในฝรั่งเศสจึงพากันออกมาประท้วงเป็นแนวร่วมสมทบในการนี้
เป้าหมายการเรียกร้องเหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่า การลุกฮือของประชาชนฝรั่งเศส เกิดขึ้นจากความไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อนโยบายของรัฐบาลโดยตรง การชุมนุมไม่ใช่ม็อบเติมเงิน อีกทั้งยังไร้เงาการแทรกแซงจากต่างประเทศอีกด้วย
อนึ่ง ควรคำนึงว่า รัฐบาลฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในรัฐบาลที่ร่วมสร้าง “ม็อบเติมเงิน” ขับไล่ประธานาธิบดีอัสสาดในซีเรียขณะเดียวกัน ที่ CIA หรือพวกยิวไซออนิสต์ต่างก็พากันนั่งเทียนเขียนข่าวว่าเป็นกระบวนการ Arab Spring แม้แท้จริงแล้ว ประเทศตะวันตกต่างหาก ที่ใช้โทรจันไปสร้างเครือข่ายม็อบจัดตั้ง แล้วพากันประท้วง และสร้างกลุ่มก่อการร้ายป่วนซีเรีย เพื่อจัดการโค่นล้มรัฐบาลอัสสาด อย่างที่มีหลักฐานเปิดโปงมากมาย
ดังนี้ จึงไม่ผิดไป หากจะกล่าวว่า ขณะนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสกำลังรับกรรมที่ตนเคยทำไว้กับชาติอื่น เพราะประชาชนฝรั่งเศสแท้ๆ เป็นผู้ที่ออกมาขับไล่ประธานาธิบดีตนเอง โดยไม่มีการเมืองต่างประเทศเข้ามาก้าวก่าย
อย่างไรก็ตาม แม้การประท้วงจะเข้มข้นขึ้น และดำเนินอย่างต่อเนื่องมาจนถึงบัดนี้ ทว่ารัฐบาลฝรั่งเศสก็ไม่ได้ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของประชาชน ในทางตรงข้าม รัฐบาลฝรั่งเศสยังตอบโต้ โดยการส่งตำรวจเข้าสลายการชุมนุมอย่างรุนแรง มีการทุบตี การใช้ทั้งแก๊สน้ำตา และกระสุนยางยิงใส่ศรีษะประชาชน มีผู้ประท้วงหลายคน ได้เสียชีวิตไปแล้ว ทั้งยังมีประชาชนอีกหลายร้อยคน ที่บาดเจ็บสาหัสอยู่ในโรงพยาบาล ถึงขั้นพิการจากการใช้ความรุนแรงของรัฐบาล
ข้อเท็จจริงดังกล่าว ยังนำไปสู่การตั้งข้อสังเกตต่อสื่อกระแสหลัก และองค์กรสิทธิมนุษยชนของชาติตะวันตกต่างๆอีกด้วย เนื่องจากภาพและคลิปการปราบปรามการประท้วงอย่างรุนแรงเหล่านี้ไม่เคยปรากฎออกมาตามสื่อกระแสหลักและส่วนมากที่มีปรากฎ ก็มาจากกล้องมือถือส่วนบุคคลทั้งนั้น สาเหตุคงเป็นเพราะสื่อกระแสหลักของยุโรปส่วนใหญ่ถูกกลุ่มทุนยิวไซออนิสต์ควบคุมนั่นเอง หากภาพเหล่านี้ เป็นบันทึกเหตุการณ์ในซีเรีย เวเนซุเอล่า เกาหลีเหนือ หรืออิหร่าน สื่อกระแสหลักเหล่านี้ คงจะพากันติดตาม และนำเสนออย่างไม่หยุดหย่อน แต่บังเอิญว่าเกิดขึ้นในฝรั่งเศส สื่อที่กลุ่มทุนยิวไซออนิสต์เป็นเจ้าของจึงพานิ่งเงียบ คงไม่อยากให้รัฐบาลที่ตนหนุนหลังต้องเสียภาพลักษณ์
ในประเทศไทยเองก็เช่นกัน เราไม่พบการรายงานข่าวเกี่ยวกับการชุมนุมของประชาชนฝรั่งเศส และความป่าเถื่อนของรัฐบาลฝรั่งเศสในการจัดการกับผู้ชุมนุม ในสื่อกระแสหลักของไทย ตามรอยสื่อกระแสหลักชาติตะวันตก อาทิ CNN และ BBC ราวกับตั้งใจจะช่วยปกปิดอาชญากรรมที่ชาติตะวันตกทำไว้ มิให้ต้องขายหน้าว่าเป็นต้นแบบชาติประชาธิปไตย
เป็นไปได้ว่า สื่อทั้งในไทย และต่างประเทศเหล่านี้ คงจะกลัวคนไทยทั่วไปรู้ว่าแท้จริงแล้ว ประเทศชาตินักล่าอาณานิคมอย่างฝรั่งเศส อเมริกา อังกฤษ ก็มิได้มีการปกครองที่วิเศษกว่าในประเทศไทยหรือที่ไหนเลย สื่อพวกนี้ คงจะเป็นเป็นสื่อจำพวกรับใช้จักรวรรดินิยมตะวันตก เพราะกลัวคนไทยส่วนมากจะรู้เท่าทันชาตินักล่าอาณานิคมตะวันตก ที่มักจะปั่นกระแสกล่าวหาชาตินั้น ชาตินี้ว่าไม่มีความเป็นประชาธิปไตย เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการรุกราน หรือกดดัน โดยหวังกอบโกยผลประโยชน์จากชาติเหล่านั้นในระหว่างนั้น
นอกจากที่รัฐบาลฝรั่งเศสจะมีสื่อกระแสหลักช่วยปกปิดอาชญากรรมของตนแล้ว นายมาครงยังได้นัดแนะมาร์ก ซักเกอร์เบิร์กเข้าพบ และขอมิให้นำคลิปการประท้วงที่ปารีสออกมาสู่สายตาประชาชนผ่าน Facebook อีกด้วย จึงไม่ใช่เรื่องประหลาดใจ หากประชาคมโลก รวมถึงคนไทยส่วนใหญ่จะไม่เห็นความป่าเถื่อนของตำรวจปารีสที่ทำร้ายประชาชน
อย่างไรก็ดี แม้ว่ารัฐบาลจะปกปิด แต่ก็ยังมีภาพถ่ายและคลิปออกมาให้เห็นความเน่าเฟะของประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดีของฝรั่งเศสอยู่เรื่อยๆ เป็นการประจานรัฐบาลมาครงไปทั่วโลก
ในการรับมือกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ล่าสุด รัฐบาลมาครงได้เสนอร่างกฎหมายออกมา โดยห้ามมิให้ใครถ่ายภาพหรือถ่ายคลิปเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฏิบัติภารกิจปราบผู้ประท้วง แม้ว่าตำรวจจะปฏิบัติการโหดร้ายป่าเถื่อนอย่างไรก็ตาม ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจเป็นทวีคูณ ไม่นานมานี้ จึงพากันออกมาประท้วงกฎหมายฉบับนี้ครั้งใหญ่อีกครั้ง
และนี่ก็คือ วิถีประชาธิปไตยแบบฝรั่งเศส ที่ปกครองโดยระบอบประธานาธิบดีเป็นประมุขสูงสุด น่าสนใจที่ว่า นักวิชาการ นักรัฐศาสตร์ นักเรียนเก่าฝรั่งเศสในเมืองไทยในวันนี้ ต่างพากันเชิดชูประชาธิปไตยแบบฝรั่งเศส ทั้งๆที่รัฐบาลฝรั่งเศสตอนนี้ ก็ไม่ได้มีความเป็นประชาธิปไตยใดๆ และไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมาชี้นิ้วสั่งสอนประเทศไหนๆเรื่องมนุษยธรรมและประชาธิปไตยได้เลย เพราะรัฐบาลฝรั่งเศสไม่รับฟัง หรือ ตอบรับเสียงเรียกร้องของประชาชน อีกทั้งยังใช้อำนาจปิดหูปิดตาประชาชนจากการรับรู้ข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐาน
บรรดานักวิชาการไทย ที่ต้องการปฏิรูปประชาธิปไตยไทย ให้ทัดเทียมชาติตะวันตก เวลาพูดถึงประชาธิปไตยของชาติตะวันตก ก็มักจะพูดแต่หลักการของประชาธิปไตย แต่กลับไม่พูดว่า ระบอบประชาธิปไตยเหล่านั้น บิดเบี้ยวไปเพราะอยู่ใต้อุ้งเท้าของทุนนิยมเสรี มากน้อยขนาดไหน ยกตัวอย่างจากฝรั่งเศสนี่เอง พวกเขาไม่พูดถึงอิทธิพลของกลุ่มทุนยิวไซออนิสต์ ในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นมือที่มองไม่เห็น และคอยทำลายประชาธิปไตย จนนำไปสู่การลุกฮือของประชาชน ดังที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จนถึงทุกวันนี้
_______________
Via @bodhinand007