การสังหารหมู่ชาวเยเมนภายใต้เงามืดแห่งความเงียบงันของสถาบันระหว่างประเทศ

49

อาชญากรรมของซาอุดิอาระเบียในการโจมตีเยเมนยังคงควบคู่กับความเงียบงันของประชาคมระหว่างประเทศ 

ซาอุดิอาระเบียก่ออาชญากรรมในเยเมนมานานกว่าหกปีแล้ว ในช่วงเวลานั้นพวกเขาไม่เพียงแต่สังหารหมู่ชาวเยเมนเท่านั้น แต่ยังทำลายโครงสร้างพื้นฐานของเยเมนด้วย

สถานการณ์ในเยเมนตอนนี้ซับซ้อนมากและต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

นอกจากนี้ องค์กรระหว่างประเทศจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อยุติอาชญากรรมของกลุ่มพันธมิตรซาอุดิอาระเบีย แต่ก็ไร้ประโยชน์ที่จะคาดหวังใดๆสำหรับองค์กรเหล่านี้

ในช่วงหกปีที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติและองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศไม่ได้ดำเนินการใดๆ เพื่อยุติอาชญากรรมต่อชาวเยเมน และบางประเทศยังได้สนับสนุนการก่ออาชญากรรมของซาอุดิอาระเบียอีกด้วย

สหรัฐอเมริกา ยุโรป และระบอบอาหรับในภูมิภาคได้สนับสนุนริยาดและมีส่วนในอาชญากรรมที่กระทำต่อผู้ถูกกดขี่ในเยเมน

ในระยะเวลา 2,400 วัน ของการทำสงครามกับเยเมน มีพลเรือน 44,221 คนเสียชีวิตและบาดเจ็บ โดย 17,290 คนเสียชีวิตและ 26,931 คนได้รับบาดเจ็บ และในบรรดาผู้เสียชีวิตมีเด็ก 4,270 คนและผู้หญิง 2,850 คน

การโจมตีมุ่งเป้าไปที่สนามบิน 15 แห่ง ท่าเรือ 16 แห่ง โรงไฟฟ้า 312 แห่ง เครือข่ายโทรคมนาคม 558 แห่ง อ่างเก็บน้ำและสถานีน้ำ 2,542 แห่ง สิ่งอำนวยความสะดวกของรัฐบาล 2,537  แห่งและถนนและสะพาน 5,749 แห่ง

ผู้รุกรานซาอุดิอาระเบียยังกำหนดเป้าหมายโรงงาน 398 แห่ง  รถบรรทุกน้ำมัน 365 คัน  สถานประกอบการเชิงพาณิชย์ 11,549 แห่ง ฟาร์มสัตว์ปีกและปศุสัตว์ 477 แห่ง ยานพาหนะ 8,483 คัน และเรือประมง 476 ลำ

ตลอดช่วงการทำสงครามกับผู้ถูกกดขี่ในเยเมน ระบอบการปกครองของซาอุดิอาระเบียได้ข่มขู่และจ่ายสินบนจำนวนมากหลายครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฟ้องร้องคดีอาชญากรรมในประเทศนี้ ทำให้แม้แต่สื่อทั่วโลกยังให้ความสนใจต่ออาชญากรรมของซาอุดีอาระเบียในเยเมนน้อยลง และโลก ไม่ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ในประเทศนี้

ในทางกลับกัน การตอบโต้การโจมตีในการก่ออาชญากรรมของซาอุดิอาระเบียโดยกองกำลังเยเมนนั้น   ถูกสะท้อนให้เห็นอย่างกว้างขวางในสื่ออาหรับระดับภูมิภาคและสื่อตะวันตกที่สนับสนุนริยาด และการต่อสู้ต้านทานของชาวเยเมนต่อการรุกรานของซาอุดิอาระเบียก็สะท้อนให้เห็นภาพในทางกลับกันในลักษณะที่ว่าชาวเยเมนได้โจมตีและรุกรานซาอุดิอาระเบีย

อิทธิพลของซาอุดิอาระเบียได้ทำลายหน้าที่หลักของพวกเขาในประชาคมระหว่างประเทศเนื่องจากการมีอยู่ของปิโตรดอลลาร์ แม้แต่ ดอลลาร์ซาอุดิอาระเบียก็ยังสามารถลบล้างความผิดของซาอุดิอาระเบียในคดี 9/11

รายงานล่าสุดในสื่ออเมริกันเปิดเผยการจ่ายสินบนจำนวนมากแก่สมาชิกองค์กรสิทธิมนุษยชน

ซาอุดิอาระเบียได้เสนอสินบนแก่เจ้าหน้าที่สหประชาชาติในระหว่างการสอบสวนสงครามในเยเมน

เดอะการ์เดียน เขียนว่า ซาอุดิอาระเบียได้ดำเนินการทุกวิถีทางตั้งแต่การติดสินบนและแรงจูงใจทางการเงินไปจนถึงการข่มขู่ที่จะบังคับให้สมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติลงคะแนนเสียงคัดค้านการขยายเวลาการสอบสวนอาชญากรรมสงครามที่เป็นอิสระ

อย่างไรก็ตาม แรงกดดันซ้ำแล้วซ้ำเล่าของซาอุดิอาระเบียได้นำไปสู่การปิดการสอบสวนของสหประชาชาติ โดยที่มี 21 ประเทศลงคะแนนเสียงคัดค้าน เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ทำให้คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติล้มเหลวในการสอบสวนการก่ออาชญากรรมสงครามในเยเมน

นอกจากนี้ ซาอุดิอาระเบียยังคุกคามสมาชิกสภาสิทธิมนุษยชนด้วย โดยกล่าวว่าล็อบบี้ของริยาดได้เตือนอินโดนีเซียว่าชาวอินโดนีเซียจะไม่สามารถเดินทางไปเมกกะได้ หากพวกเขาไม่ลงคะแนนคัดค้านการสอบสวนสงครามเยเมน

หลังจากการคุกคามดังกล่าว อินโดนีเซียเป็นหนึ่งใน 21 ประเทศที่คัดค้านการสอบสวนสงครามเยเมนดังนั้น การลงคะแนนเสียงซึ่งควรจะมุ่งเน้นไปที่การถูกสอบสวนเกี่ยวกับอาชญากรรมสงครามของซาอุดีอาระเบีย แต่มันต้องสิ้นสุดลง

ความล้มเหลวของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนในคดีอาชญากรรมสงครามต่อชาวเยเมนของริยาดเกิดขึ้นจากการที่ทนายความจำนวนหนึ่งในลอนดอนในนามของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากการรุกรานเยเมนในเดือนกันยายน เรียกร้องให้มีการสอบสวนระหว่างประเทศเกี่ยวกับอาชญากรรมสงครามที่กระทำโดยผู้รุกรานซาอุดิอาระเบียต่อเยเมน

ชาวซาอุดิอาระเบียยังใช้ประโยชน์จาก “บ้านของพระองค์” ในทางที่ผิด และประเทศที่ต่อต้านริยาดในประชาคมระหว่างประเทศกำลังถูกคุกคามที่จะถูกห้ามไม่ให้พวกเขาเข้าประเทศเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์

ประชาคมระหว่างประเทศ องค์กรสิทธิมนุษยชน และสหประชาชาติ จำเป็นต้องมีการทบทวนพฤติกรรมและผลการปฏิบัติงานอย่างละเอียดของตนอีกครั้งเพื่อให้เกิดประสิทธิผลกลับคืนมาอย่างแท้จริง

source: https://www.nytimes.com

https://www.mizan.news