เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ (Henry Kissinger) อายุครบ 100 ปี เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาเป็นนักการเมือง นักการทูต นักภูมิรัฐศาสตร์ เชื้อสายยิว ที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ และที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ
นโยบายต่างประเทศอันเลืองลือ ซึ่งนำไปสู่หายนะของชาติต่างๆ ทำให้เขาเป็นถูกประณามอย่างกว้างขวาง ทั้งจากสื่อมวลชน นักการเมือง นักกิจกรรม และนักสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ในด้านการก่ออาชญากรรมสงคราม และการล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตยในหลากหลายภูมิภาค อาทิ:
ปฏิบัติการทิ้งระเบิดโดยลับ ในกัมพูชา
คิสซิงเจอร์ ดำรงตำแหน่งอยู่ภายใต้คณะบริหารของ ปธน. ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) โดยทำหน้าที่เป็นกุนซือ ที่ให้คำปรึกษาแก่คณะควบคุมนโยบายต่างประเทศ
ในช่วงขณะนั้น เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีกัมพูชาของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม
โดยสหรัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดในกัมพูชา ในเป้าหมายเพื่อทำให้เส้นทางลำเลียงเสบียงของกองกำลังที่ต่อสู้เพื่อขับไล่สหรัฐฯ ออกจากเวียดนามนั้น อ่อนกำลังลง
การทิ้งระเบิดได้คร่าชีวิตชาวกัมพูชาอย่างน้อย 150,000 (ตัวเลขพลเรือนผู้เสียชีวิต ยังมีรายงานสูงถึง 50,000 คน) โดยการอนุมัติการทิ้งระเบิดนี้ มีมากถึง 3875 ครั้ง ในระหว่างปี 1969-1970
การก่อวินาศกรรมไปยังผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งของชิลี
ในปี 1970 คิสซิงเจอร์และนิกสัน วางแผนบีบบังคับ ปธน. ฝ่ายสังคมนิยม ซัลวาดอร์ อัลเลนเด้ (Salvador Allende) ให้พ้นจากตำแหน่ง
CIA นับสนุนการรัฐประหารที่ล้มเหลวหลายครั้ง และในปี 1973 ได้สนับสนุนการรัฐประหารของ ออกุสโต ปิโนเชต์ (Augusto Pinochet) ฝ่ายขวา จนประสบความสำเร็จในการโค่นล้มรัฐบาลของอัลเลนเด้ ด้วยการก่อจลาจลทางทหาร
ในช่วงการปกครองแบบเผด็จการทหาร ที่ขึ้นมามีอำนาจในชิลีหลังจากนั้น กองกำลังของปิโนเชต์ ได้กักขังและทรมาน ผู้คนกว่า 40,000 คน และสังหารผู้คนมากกว่า 3,000 คน
คิสซิงเจอร์บอกกับปิโนเชต์ในปี 2519 ว่า “เราต้องการช่วย ไม่ใช่บั่นทอนคุณ คุณได้ทำประโยชน์ให้กับตะวันตกในการโค่นล้มอัลเลนเด้”
สนับสนุนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของปากีสถานในบังคลาเทศ
เมื่อบังกลาเทศประกาศเอกราชจากปากีสถาน ในปี 1971 กองทัพของปากีสถานได้ปราบปรามและมุ่งเป้าไปที่ชาวฮินดู
คิสซิงเจอร์ส่งอาวุธไปยังปากีสถาน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ภายใต้กฎหมายของสหรัฐฯ
ในระหว่างแคมเปญทางทหาร ที่กินระยะเวลานาน 9 เดือน กองกำลังของปากีสถานได้ทำการข่มขืนกระทำชำเราหญิงชาวเบงกาลีอย่างเป็นระบบ โดยมีผู้หญิงเบงกาลีตกเป็นเหยื่ออยู่ในจำนวนระหว่าง 200,000 และ 400,000 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้คน ถูกฆ่าตายอีกมากถึง 3 ล้านคน
ไฟเขียว “สงครามสกปรก” ในอาร์เจนตินา
ในปี 1976 ผู้นำทางทหารของอาร์เจนตินาได้ทำการปราบปรามฝ่ายค้านอย่างโหดเหี้ยม
เอกสารที่ไม่เป็นความลับอีกต่อไป (Declassified documents) เปิดโปงให้เห็นว่า คิสซิงเจอร์ส่งสัญญาณให้ผู้นำทางทหารรับรู้ว่า สหรัฐฯ จะไม่คัดค้านแผนการของพวกเขา
รัฐบาลทหารของอาร์เจนตินา ทำให้ผู้คนมากถึง 30,000 คน “สูญหาย” ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ ชาวอาร์เจนตินาหลายคน ก็ยังไม่ทราบถึงชะตากรรมของผู้เป็นที่รักของพวกเขาอย่างแน่ชัด
กลุ่ม Madres de Plaza de Mayo ซึ่งเป็นกลุ่มมารดา ที่เริ่มประท้วงในปี 1977 ยังคงรวมตัวกันทุกสัปดาห์ เพื่อแสวงหาคำตอบในเรื่องนี้
ปฏิบัติการทิ้งระเบิดในลาว
คิสซิงเจอร์ ยังมีส่วนรู้เห็น และคอยกำกับดูแลปฏิบัติการทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ ในลาว เป็นเวลาหลายปี ซึ่งสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดกว่า 260 ล้านลูก ไปยังลาว คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 200,000 คน
ไฟเขียวให้อินโดนีเซียรุกรานติมอร์ตะวันออก
คิสซิงเจอร์มีส่วนเกี่ยวพันกับอาชญกรรมสงคราม โดยการให้ไฟเขียวแก่อินโดนีเซีย ในการรุกรานติมอร์ตะวันออก ส่งผลให้มีการยึดครองที่โหดร้าย ซึ่งกินเวลานานถึง 24 ปี และทำให้ผู้คนหลายแสนคนต้องเสียชีวิต
แม้จะมีประวัติที่โชกโชน และคลุ้งคลั่งไปด้วยการนองเลือด ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในสายอาชีพ ที่ซึ่งนโยบายต่างประเทศของเขาได้นำไปสู่หายนะของชาติต่างๆอย่างมากมาย แต่ถึงกระนั้น คิสซิงเจอร์ กลับได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และยังได้รับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาแก่ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีทั้งสองพรรคในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง — นี่คือ ความจริงของสหรัฐอเมริกา ประเทศเสรี ที่อ้างว่าให้การสนับสนุน #สิทธิมนุษยชน และส่งออก #ประชาธิปไตย !
_______________
รวบรวมและเรียบเรียงจาก Ajplus & Going underground TV
