(ภาพ) มือปืนสวมหน้ากากปิดหน้าวิ่งเข้าไปหาเหยื่อกราดยิงของพวกเขาด้านนอกสำนักงานชาลี เอบโด นิตยสารล้อเลียนของฝรั่งเศส ในกรุงปารีส เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2015
เพรสทีวี – ข้อมูลใหม่เกือบจะยืนยันการโจมตีในปารีสเป็นปฏิบัติการสร้างสถานการณ์ ของ CIA จากคำกล่าวของโซรายา เซปาห์ปัว อุลริช นักวิจัยและนักเขียนอิสระจากเมืองเออร์ไวน์ รัฐแคลิฟอร์เนีย
จากรายงานข่าวของสำนักข่าวเอพี (The Associated Press) ระบุว่า หนึ่งในจำนวนผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุก่อการร้ายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน ในเมืองหลวงของฝรั่งเศส น่าจะอาศัยอยู่กับชายชาวไนจีเรียที่อยู่เบื้องหลังแผนการ “ระเบิดชุดชั้นใน” ที่ล้มเหลวของอัล-กออิดะฮ์เมื่อห้าปีที่แล้ว มุฮัมมัด อัล-กิบซี นักข่าวและนักวิจัยชาวเยเมน ซึ่งเคยพบกับซาอิด คูอาชี ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อเหตุในปารีส กล่าวเมื่อวันจันทร์
จากการให้สัมภาษณ์กับ Press TV ทางโทรศัพท์ อุลริช นักวิจัยและนักเขียนอิสระจากเมืองเออร์ไวน์ รัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า “เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในปารีสเป็นปริศนาสำหรับหลายคน… และต้องค้นหาความเกี่ยวพันต่างๆ เพื่อที่จะพบว่าอะไรที่กำลังเกิดขึ้นจริงๆ”
“เราได้รับการบอกเล่าจากสื่อกระแสหลัก สื่อตะวันตก ว่านักข่าวชาวเยเมนคนหนึ่งอ้างว่าเขาได้สัมภาษณ์คูอาชี ผู้มีส่วนรับผิดชอบต่อการโจมตีปารีส หรือเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบ” เธอกล่าว
“และเขามีความเกี่ยวพันกันกับ “มือระเบิดชุดชั้นใน” ที่ต้องการจะระเบิดเครื่องบินในวันคริสต์มาสเมื่อปี 2009” อุลริชกล่าวเสริม
อุมัร ฟารูค อับดุลมุตตอเลบ ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานพยายามก่อเหตุระเบิดด้วยระเบิดพลาสติกที่ซ่อนอยู่ในชุดชั้นในของเขาขณะโดยสารเครื่องบินสายการบินนอร์ธเวสต์ เที่ยวบินที่ 253 จากอัมสเตอร์ดัมไปยังดิทรอยท์ รัฐมิชิแกน
“มันช่างบังเอิญที่สื่อกระแสหลักที่นี่มัวยุ่งอยู่กับการเปิดข้อมูลนี้จนทำให้พวกเขาลืมข้อมูลที่เคยให้กับเราไว้แต่แรก ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2012 พวกเขาบอกเราว่า ความจริงแล้ว “มือระเบิดชุดชั้นใน” ทำงานกับหน่วยข่าวกรองของ CIA และกับซาอุดี้ฯ” เธอระบุ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และเยเมน บอกกับ The Associated Press เมื่อเดือนพฤษภาคม 2012 ว่า มือระเบิดชุดชั้นในดังกล่าวกำลังทำงานลับให้กับหน่วยข่าวกรองของซาอุดี้ฯ และ CIA เมื่อเขาได้รับมอบระเบิดชนิดใหม่ที่ไม่มีส่วนประกอบของโลหะ ซึ่งทำให้ผ่านมาตรการรักษาความปลอดภัยของสนามบินไปได้
อุลริชกล่าวว่า มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องกล่าวว่า มือระเบิดชุดชั้นในคนนั้นได้เล็ดลอดผ่านมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้าไป “ขณะที่หน่วยข่าวกรองของอิสราเอลทำหน้าที่ดูแลสนามบินอัมสเตอร์ดัม ด้านความปลอดภัย”
เธอกล่าวเสริมว่า เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองไม่ได้ตรวจค้นวัตถุระเบิด และยังช่วยให้มือระเบิดขึ้นไปบนเครื่องบินด้วย ซึ่ง “สำหรับฉันมันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาทั้งหมดรับทราบงานของบุคคลผู้นี้”
“เมื่อหกหรือเจ็ดเดือนก่อน ฝ่ายความมั่นคงของสนามบินอังกฤษได้รับคำเตือนจากหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ว่า ผู้ก่อการร้ายอัล-กออิดะฮ์กำลังจะโจมตีเครื่องบินและสายการบินโดยใช้ระเบิดรุ่นใหม่ที่ไม่มีส่วนประกอบของโลหะ ที่พวกเขาได้พัฒนาขึ้นในซีเรียและเยเมน” อุลริชกล่าว
“สิ่งที่น่าตกใจจริงๆ สำหรับฉันก็คือ ข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้ หรือข้อมูลผิดพลาดที่เรากำลังรับอยู่นี้ เราต้องเข้าใจว่าใครได้ประโยชน์จากเรื่องทั้งหมดนี้” เธอระบุ
เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นมากมาย รวมทั้งการโจมตีสำนักงานนิตยสารชาร์ลี เอบโด ในปารีส ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน ในเมืองหลวงของฝรั่งเศสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สองวันหลังการโจมตีชาร์ลี เอบโด ซาอิด และชาริฟ คูอาชี ผู้ต้องสงสัย ถูกฆ่าตายหลังจากจนมุมที่ร้านถ่ายเอกสารในเมืองดัมมาร์ติน เอน โกล ของฝรั่งเศส
“ดังนั้น เมื่อสิ้นสุดวันนั้น เราต้องทำความเข้าใจว่าใครที่ได้รับประโยชน์จากการโจมตีทั้งหมดนี้” อุลริชย้ำ ประชาชนไม่ได้รับการบอกเล่าความจริง พวกเขาได้รับฟังแต่ “เรื่องโกหกที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน และเมื่อมันเกี่ยวข้องกัน เราจะตามพบว่ามันกลับไปยังหน่วยงานข่าวกรอง อย่างเช่น CIA”
“ดังนั้น เราจึงต้องตื่นตัวให้มาก และต้องไม่ลืมสิ่งที่เราอ่านไปเมื่อวาน เพื่อที่จะรับเอาสิ่งที่เรากำลังอ่านวันนี้ แล้วเชื่อมต่อจุดประด้วยตัวเราเอง” เธอเตือน
“ฉันหมายถึงว่า หลายคนสงสัยเกี่ยวกับความเป็นจริงของเหตุการณ์ในปารีส หลายคนคิดว่ามันเป็นปฏิบัติการธงเท็จ และตอนนี้ ด้วยข้อมูลใหม่ที่พวกเขากำลังป้อนให้กับเรา และผูกเข้ากับมือระเบิดชุดชั้นนั้นผู้ซึ่งทำงานให้กับ CIA มันได้ให้ข้อเท็จจริงที่ว่า แท้จริงแล้วมันเป็นปฏิบัติการธงเท็จ(การสร้างสถานการณ์)” อุลริชสรุป