กระแสตอบรับและกระแสต่อต้าน หนังประวัติ “ศาสดามุฮัมมัด” ที่อิหร่านทุ่มทุนสร้าง

3457
فیلم محمد (ص)

สืบเนื่องจากที่อิหร่านลงทุนสร้าง ภาพยนตร์ “มุฮัมมัด รอซูลุลลอฮ์”  นั้น ปรากฏว่ามีทั้งกระแสตอบรับและกระแสต่อต้าน โดยคนต่างศาสนิก แห่เข้าชมภาพยนตร์ “มุฮัมมัด รอซูลุลลอฮ์” ที่สร้างโดยชาวอิหร่าน ในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติแคนานดา แต่ขณะเดียวกันก็มีกระแสต้านจากมุฟตีซาอุฯ

ผู้ชมเนืองแน่นในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติแคนาดา

อัลอาลัมรายงานว่า ภาพยนตร์ดังกล่าว ได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลาม ทำให้บัตรเข้าชม หมดเกลี้ยงก่อนจะมีการฉายประมาณ สามวัน  ทำให้บางคน ต้องไปซื้อบัตรชมจากตลาดมืด

เว็บไซด์  ฮัฟฟิงตัน โพสต์ อาหรับ รายงานว่า  ผู้เข้าชมส่วนใหญ่ในแคนาดา เป็นคนต่างศาสนิก

หนึ่งในผู้เข้าชมภาพยนตร์ดังกล่าว เผยกับ  ฮัฟฟิงตัน โพสต์ อาหรับ ว่า  หากอิสลามเป็นอนุรักษ์นิยม  ชาวมุสลิมส่วนใหญ่จะไม่ลงคะแนนเลือกตั้งให้กับฝ่ายซ้ายอย่างแน่นอน  เช่นในฝรั่งเศส ที่ร้อยละ 90   เทคะแนนเสียงให้กับพรรคฝ่ายซ้าย  และในอเมริกาที่เลือกบารักโอบามา

อเริกค์ และเพื่อนของเขา เผยว่า  เรามาชมภาพยนตร์ดังกล่าวนี้เนื่องจากมีความอยากรู้อยากเห็น  เนื่องจากเรามีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะรู้จักผู้วางรากฐานของศาสนาอิสลาม

โรเบิร์ต ผู้ที่เพิ่งเข้ารับอิสลาม  เผยว่า  ภาพยนตร์นี้ เป็นตัวช่วยที่ดีในการเรียนรู้และศึกษาวิถีชีวิตของท่านศาสดาในวัยเด็ก  โดยเฉพาะภาพและเสียงของภาพยนตร์นั้น มีประสิทธิภาพที่สูงมากที่สามารถดึงดูดผู้เข้าชม

ภาพยนตร์ “มุฮัมมัด รอซูลุลลอฮ์”  จะมีการฉายเพียงแค่สองวันเท่านั้น ในโรงภาพยนตร์มอนทรีออล แคนาดา  เจ้าของภาพยนตร์ มีการเพิ่มเวลาและบัตรเข้าชมมากขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้ชมภาพยนตร์ดังกล่าวอย่างทั่วถึง

ในอิหร่านเอง ก็กำลังมีการฉายภาพยนตร์ดังกล่าว ในโรงภาพยนตร์  150   แห่งทั่วประเทศ

มุฟตี ซาอุฯ  ต้าน ย้ำว่าเป็นหนังแห่งการเป็นศัตรูกับอิสลาม

หลังจากเริ่มมีการฉายภาพยนตร์ “มุฮัมมัด รอซูลุลลอฮ์”   ของมะญิด มายีดี ผู้กำกับหนังชาวอิหร่าน เชคอับดุลอาซิส อาลีเชค มุฟตีใหญ่แห่งราชสำนักซาอุดิอาระเบีย ออกมาตอบโต้ภาพยนตร์ดังกล่าว  ว่า ภาพยนตร์ “มุฮัมมัด รอซูลุลลอฮ์”   เป็นหนังสร้างของชาวอิหร่าน เป็นภาพยนตร์ของ “พวกบูชาไฟ” และถือว่าการสร้างภาพยนตร์ในครั้งนี้เป็นการประกาศศัตรูกับอิสลาม

เชคอับดุลอาซิส อาลีเชค มุฟตีใหญ่แห่งราชสำนักซาอุดิอาระเบีย  ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ อัลฮะยาต ฉบับภาษาอาหรับว่า  ภาพยนตร์ดังกล่าวไม่ได้มีการนำเสนอภาพลักษณ์ที่แท้จริงของท่านศาสดามุฮัมมัดแห่งอิสลาม ซึ่งจะนำมาซึ่งการเยาะเย้ยดูแคลน  และทำให้ฐานะภาพที่แท้จริงตกต่ำลง  ดังนั้นการสร้างภาพยนตร์ดังกล่าวเป็นการนำเสนอจุดมืดบอดของอิสลาม

มุฟตีใหญ่แห่งราชสำนักซาอุดิอาระเบีย ถือว่า ผู้สร้างหนังดังกล่าวคือผู้สร้างความเสียหาย  เนื่องจากงานการดำเนินการของเขาวางอยู่บนพื้นฐานแห่งการโกหก

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อุลามาอ์แห่งอัซฮัรอียิปต์บางคน  ก็ออกมาประณามการสร้างหนังดังกล่าว   พร้อมกับเรียกร้องให้มีการระงับการฉายหนังดังกล่าวอีกด้วย

เหตุผลที่ทางอัซฮัรประณามหนังดังกล่าว คือ ในภาพยนตร์ จะมีการนำเสนอตัวละครที่แสดงเป็นท่านศาสดา  ทว่าในภาพยนตร์ดังกล่าวไม่มีการนำเสนอใบหน้าของท่านศาสดาแต่อย่างใด  เพียงแต่จะเห็นแค่เงาจากเรือนร่างด้านหลังของตัวละครจากมุมกล้องเท่านั้น  แต่ก็ยังได้ยินเสียงคำพูดจากตัวละครที่แสดงเป็นท่านศาสดา  ซึ่งเป็นประเด็นนี้เองที่ทางมหาวิทยาลัยอัซฮัรออกมาตำหนิ

ที่ปรึกษาของเชคคุลอัซฮัร ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฝรั่งเศส ว่า บางครั้งเป็นไปได้ว่า บุคคลที่แสดงนำเป็นท่านศาสดานั้น หลังจากนั้นเขาอาจจะแสดงในบทของตัวร้ายก็ได้ในหนังครั้งต่อไป ซึ่งทำให้ผู้ชมยังคงติดภาพของเขาในฐานะที่เป็นผู้ร้าย และมันจะทำให้สร้างความเสื่อมเสียตามมา

ทางด้านผู้กำกับหนังชาวอิหร่าน ออกมาชี้แจงว่า การสร้างภาพยนตร์นี้ได้ขอความคิดเห็นมาแล้วจากบรรดาผู้รู้ศาสนาในอิหร่าน

ภาพยนตร์ “มุฮัมมัด รอซูลุลลอฮ์” สร้างโดยผู้กำกับชาวอิหร่าน  ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์รอบปฐมฤกษ์ในการเปิดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติมอนทรีออล แคนาดา ครั้งที่  39   และเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดฉายในระดับนานาชาติ
ภาพยนตร์ดังกล่าวมีความยาวประมาณ  171  นาที   และเป็นเรื่องที่มีการทุ่มงบประมาณมากที่สุดของอิหร่าน โดยใช้งบในการสร้างประมาณ 50  ล้านดอลลาร์

นักร้องราชาเพลงร็อบอิสลาม  ซามี ยุซูฟ เป็นผู้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์  เสียงดนตรีโดย วัลลอฮ์  เซกฮา รอฮ์มาน นักดนตรีชื่อดังชาวอินเดีย ผู้คว้ารางวัลออสก้ามาแล้วในด้านนี้

ภาพยนตร์ “มุฮัมมัด รอซูลุลลอฮ์” เริ่มนำเสนอ ตั้งแต่เหตุการณ์ ก่อนการถือกำเนิดของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ)

ตามรายงานระบุว่า ยอดรายได้ล่าสุดที่ฉายในอิหร่าน กวาดไป  1,500  ล้านโตมาน

นักข่าวหนังสือพิมพ์ถามอัซฮัร หากอิหร่านไม่สร้างและชาติอื่นสร้างภาพยนตร์ดังกล่าว  พวกคุณจะมีปฏิกิริยาต่างๆเหล่านี้หรือไม่???

นักข่าวหนังสือพิมพ์อียิปต์ ออกมาตำหนิ จากการสร้างความฮือฮาของ อัซฮัร ในการต่อต้านภาพยนตร์ “มุฮัมมัด รอซูลุลลอฮ์” ว่า  หากอิหร่านไม่สร้างและชาติอื่นสร้างภาพยนตร์ดังกล่าว  พวกคุณจะมีปฏิกิริยาต่างๆเหล่านี้หรือไม่???

คอลิด มะห์มูด  ได้เขียนบทความชิ้นหนึ่งในหนังสือพิมพ์ อัลชุรุก อียิปต์  ว่า ข้อเท็จจริงคือ บรรดาเชค อัซฮัร ได้ออกมาต่อต้านการนำเสนอใบหน้าของท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล) ทว่า ประเด็นดังกล่าวนี้นั้น ปฏิกิริยาต่อต้านของพวกเขานั้น มันวางอยู่บนหลักคิดที่คาดเดาทางศาสนาเท่านั้น

เขากล่าวเสริมว่า บรรดาเชคอัซฮัรเหล่านี้  มีความสงสัยและคาดคะเนทุกภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นโดยชาวอิหร่าน ไม่ว่า ภาพยนตร์ดังกล่าวจะเป็นเรื่องของท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล) หรือบรรดาศาสดาท่านอื่นก็ตาม โดยเฉพาะภาพยนตร์ท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล) ก็เช่นกัน ก็ยังคงหวาดผวาต่อภาพยนตร์ที่อิหร่านสร้าง โดยมีเจตนารมณ์ที่แอบแฝงทางการเมืองและศาสนา  และหมู่พวกเขา ตามที่เชคหนึ่งของพวกเขาได้พูดว่า  เราก็ยังคงมีความหวั่นเกรงเรื่องเศรษฐกิจอีกด้วย

คอลิด  ได้ตำหนิบรรดาผู้ที่ออกมาตัดสินใจที่ไร้เหตุผลต่อประเด็นภาพยนตร์ท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล) ว่า  ช่างเป็นการดี ที่บรรดาอุลามาอ์เหล่านี้ดูภาพยนตร์ดังกล่าวเสียก่อน และจากนั้น จึงออกมาประกาศแสดงจุนยืนต่อภาพยนตร์นี้
เขากล่าวเสริมว่า  ผู้กำกับภาพยนตร์ ได้ออกมาเปิดเผยแล้วว่า วัตถุประสงค์ในการสร้างภาพยนตร์นี้ เพื่อขจัดความขุ่นหมองเชิงความคิดที่ผิดพลาดที่มีต่อท่านศาสดามุฮัมมัด(ซล)  ว่า ศาสนานี้เป็นศาสนาที่ป่าเถื่อน รุนแรง และหลั่งเลือด อีกทั้งยังไม่อนุญาตให้มีการเปิดเผยใบหน้าของท่านศาสดา  ซึ่ง มะญีด มะยีดี ผู้กำกับหนังก็ยังได้ตระหนักและเคารพทัศนะของบรรดาอุลามาอ์ ที่ไม่อนุญาตให้มีการนำเสนอใบหน้าของท่านศาสดาอีกด้วย

นักเขียนดังกล่าว กล่าวเสริมว่า ช่างเป็นการดี หากการคัดค้านและต่อต้านของอุลามาอ์อัซฮัร ไม่ใช่มาจากความกังวลในประเด็นดังกล่าว  แต่เนื่องจากมีหลักฐานและเหตุที่ยอมรับได้ และชัดเจน และได้ชมภาพยนตร์ดังกล่าวนี้มาก่อน
คอลีด มะห์มูด ย้ำว่า โลกจะต้องดูภาพยนตร์นี้อย่างแน่นอน  และจะมีการพูดถึงต่างๆนานา

ช่วงท้ายเขากล่าวว่า กระแสต่อต้านภาพยนตร์ดังกล่าว เป็นประเด็นการเมืองที่บรรดานักการเมืองแห่งชาติอาหรับวางไว้ ในการต่อต้านภาพยนตร์ดังกล่าว อีกทั้งสื่อโลกอาหรับก็ช่วยกระพือข่างดังกล่าวในอีกช่องทางหนึ่ง  และกระแสดังกล่าวมีกลุ่มวะฮาบี ตักฟีรีอยู่เบื้องหลังที่คอยชี้นำ ซึ่งเห็นภาพอย่างชัดเจน เพราะกระแสต่อต้านเกิดขึ้นตั้งแต่ ก่อนที่ภาพยนตร์ดังกล่าว จะเข้าโรงฉายด้วยซ้ำ