ใน รายงานข่าวของสื่อตะวันตกมักจะเรียก กลุ่มผู้ก่อการร้ายหัวรุนแรงสุดโต่ง ที่ชื่อ รัฐอิสลามแห่งอิรักและเลแวนต์ (ISIL, ISIS หรือ ดาอิช) ว่าเป็น “นักรบสุหนี่”
ใน ข่าวพาดหัวหรือหัวข้อข่าวของสื่อตะวันตกจึงเขียนว่า “กลุ่มก่อการร้ายอิสลามิสต์สุหนี่ควบคุมเมืองโมซูล” “กลุ่มก่อการร้ายสุหนี่ยึดเมืองทางตอนเหนือของอิรัก” “กองทัพอิรักพยายามยึดคืนพื้นที่จากกลุ่มก่อการร้ายสุหนี่” เหล่านี้เป็นต้น
สำนัก ข่าวตะวันตกได้วาดภาพว่า การสู้รบในอิรักนั้นเป็นความขัดแย้งระหว่าง “สุหนี่” กับ “ ชีอะห์” ในรายงานของพวกเขามองว่า ฝั่งสุหนี่นั้นถูกบัญชาการและนำโดยกลุ่ม “ISIL” ซึ่งถูกขับออกมาจากอัลกออิดะห์ อันเนื่องจากความสุดโต่งมากเกินไป
ทว่าในความเป็นจริง “ISIL” นั้นใช่ “สุหนี่” หรือ??
มี ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่บอกว่า “ไม่ใช่”!! ทั้งยังเกิดคำถามขึ้นด้วยซ้ำว่า ISIL ยังมีสิทธิที่จะเรียกตนเองว่าเป็นมุสลิมอยู่อีกหรือ?
ใน การให้สัมภาษณ์รายการวิทยุ Truth Jihad Radio ดร. จอห์น แอนดรูว์ มอร์โรว์ (อิลยาส อับดุลอาลิม อิสลาม) นักวิชาการอิสลาม ตอบคำถามเกี่ยวกับสถานะความเป็นมุสลิมของ ISIL โดยกล่าวว่า “กลุ่มที่ถูกเรียกว่า ญิฮาดิสต์ (เช่น ISIL) ส่วนใหญ่ ไม่ได้วางอยู่บนรากฐานของศาสนาอิสลามเลย โดยเฉพาะถ้าคุณมองไปยังผู้ที่ให้ทุนพวกเขา ผู้ที่สนับสนุน, และผู้ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา มหาอำนาจตะวันตกมีประวัติอันยาวนานในการใช้ ยิฮาดิสต์ และอิสลามิสต์ เป็นเครื่องมือเสริมสร้างจักรวรรดิอันทะเยอทะยานตน ในแง่ของการทหาร พวกเขาอาจคิดว่ากำลังต่อสู้เพื่อศาสนาอิสลาม แต่ถ้าคุณมองลึกลงไปคุณจะพบว่า พวกเขากำลังหนุนเสริมเป้าหมายของศัตรู”
ดร.มอร์ โรว์ ชี้ให้เห็นว่า พฤติกรรมมากมายของ ISIL เป็นสิ่งบ่งชี้ว่า ไม่ใช่วิถีอิสลาม เขากล่าวว่า ผู้ก่อการร้าย ISIL ชอบที่จะถ่ายวิดีโอตัวเองขณะกำลังก่ออาชญากรรมสงคราม ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามตามศาสนาอิสลาม “พวกเขาภาคภูมิใจเหลือเกินที่ได้กระทำความชั่วร้าย พวกเขาถ่ายมัน แล้วอัพโหลดขึ้นสู่อินเทอร์เน็ต พวกเขามีเว็บไซต์ของตัวเอง”
ดร.มอร์ โรว์ ให้ความเห็นต่อคลิปวิดีโออื้อฉาว ที่เผยให้เห็น สมาชิกก่อการร้ายตักฟีรีย์คนหนึ่ง ขณะกินตับของทหารที่เสียชีวิต “นี่คือสิ่งที่นางฮินด์ (ศัตรูของชาวมุสลิมในยุคศาสดามุฮัมหมัด) เคยกระทำ คุณไม่ได้ตามแนวทางของซอฮาบะห์ (สาวกของศาสดา), คุณไม่ได้ตามแนวทางของท่านศาสดาแล้ว ยามที่คุณเริ่มแทะซากศพเข้าสู่ร่างกายนั่นหมายความว่า คุณกำลังตามพวกมุชริก (ตั้งภาคี) ที่เคยต่อสู้กับท่านศาสดา และนอกจากนั้นยังมีวิดีโอของหญิงสาวมุสลิมผู้น่าเวทนาที่ถูกบีบคอจนตายอีก ผมหมายความว่า ใครกันที่อยู่รอบๆ ผู้หญิงที่กำลังถูกบีบคอ และตะโกนว่า อัลลอฮุอักบัร (อัลเลาะห์ผู้ทรงเกรียงไกร)?”
นิสัย การโชว์ความโหดร้ายป่าเถื่อนซึ่งมิใช่วิถีอิสลามของพวกเขายังมีอย่างต่อ เนื่อง กลุ่มก่อการร้าย ISIL เพิ่งโพสต์วิดีโอบนอินเทอร์เน็ต ที่เผยให้เห็นพวกเขาสังหารทหารอิรัก 1,700 คนที่ถูกจับ ทั้งยังมีรายงานอีกว่า มีอิหม่ามซึ่งเป็นสุหนี่จำนวนหนึ่งถูกเข่นฆ่า เหตุเพราะพวกเขาปฏิเสธที่จะสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อผู้ก่อการร้าย ISIL นอกจากนั้นพวกเขายังฆ่ามุสลิมชีอะห์อย่างไม่เลือกหน้า
ดังนั้น ถ้าผู้ก่อการร้ายเหล่านี้เป็นมุสลิมสุหนี่จริง ทำไมวิถีของพวกจึงฝ่าฝืนหลักคำสอนของมุสลิมสุหนี่อยู่ร่ำไป?
ความ จริงแล้ว ชัดเจนว่า ISIL เตลิดไปไกลออกพ้นความเป็นมุสลิมสุหนี่ ลักษณะของ “อิสลาม” ที่ถูกนำมาใช้โดย ISIL ตักฟีรีย์นั้น คือเวอร์ชั่นสุดโต่ง ของ “ลัทธิวะฮาบี-ซาลาฟี” (Salafi-Wahhabi) คนพวกนี้ปฏิเสธทั้ง 5 แนวทางหลัก (มัซฮับ) ของอิสลาม ที่หมายรวมถึง 4 แนวทางของสุหนี่ (และชีอะห์อีกหนึ่ง) ดังนั้นหากคุณปฏิเสธทั้ง 4 มัซฮับของสุหนี่หมดแล้ว คุณยังจะเรียกตนเองว่าสุหนี่ได้อย่างไร?
ใน ความเป็นจริง พวกลัทธิวะฮาบีซาลาฟี หัวรุนแรง รวมถึงพวกหัวรุนแรงสุดโต่ง อย่าง ISIL ได้ทำลายหลักการของศาสนาอิสลามที่มีมากว่าสิบสี่ศตวรรษ ด้วยการโยนทิ้งมัซฮับที่มีอยู่เดิมของอิสลาม แล้วก้าวออกพ้นอิสลามที่เคยเข้าใจกันมาแต่เดิม พวกเขาได้เข้าสู่แดนเถื่อน ที่พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาสามารถสร้างกฎเกณฑ์ตามที่พวกเขาต้องการ ดังนั้นพวกเขาจึงสร้างกฎใหม่ขึ้นมา เช่น “สามารถที่จะข่มขืนหญิงคริสเตียนและชีอะห์ สามารถที่จะกินเครื่องในของศัตรูที่ตาย สามารถที่จะแต่งงานกับ “เจ้าสาวญิฮาด” (ญิฮาดด้วยเซ็กส์ หรือ ญิฮาดุนนิกะห์) เพื่อสนองตัณหาทางเพศหลังจากนั้น 30 นาทีก็หย่าพวกนางทิ้ง สามารถที่จะฆ่าตรึงกางเขนนักบวชชาวคริสต์ สามารถที่จะบีบคอผู้หญิงจนตาย สามารถที่จะสังหารหมู่พลเรือน สามารถที่จะประหารเชลยศึก”
ในหน้าประวัติศาสตร์ของสุหนี่ไม่มีทางจะยอมรับพฤติกรรมเยี่ยงนี้ว่าเป็นมุสลิมสุหนี่!
ด้าน ซาฮิด ฮามิด มุสลิมสุหนี่ นักวิเคราะห์จากปากีสถาน กล่าวว่า ISIL และกลุ่มก่อการร้ายที่เกี่ยวข้องนั้น ไม่ใช่สุหนี่ แต่เป็นพวก “คอวาริจญ์” นอกรีตที่รับใช้จักวรรดิเพื่อต่อต้านแนวทางอิสลาม ( Khārijite, หรือในภาษาอาหรับ Khawārij เป็นกลุ่มสุดโต่งหัวรุนแรงของมุสลิมในยุคแรก ที่ปฏิเสธทั้งสุหนี่และชีอะห์ และก้าวออกพ้นอิสลาม ด้วยเหตุนี้ชื่อของพวกเขาจึงมีความหมายว่า “ผู้ที่ก้าวออก”) ฮามิดระบุว่า กลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งทำให้เกิดความวุ่นวายในปากีสถาน ซีเรีย และอิรัก แน่นอนว่าพวกเขาได้เตลิดพ้นศาสนาอิสลามไปแล้ว พวกเขาทำสงครามกับศาสนาอิสลามและชาวมุสลิม ในนามของลัทธิไซออนนิสต์และจักรวรรดินิยม
แต่มันเป็นความจริงหรือที่ว่าชาวมุสลิมสุหนี่จำนวนมากในอิรักสนับสนุน ISIL?
คำ ตอบคือ “ใช่” และ “ไม่ใช่”… เป็นความจริงที่ว่า คนอิรักบางส่วนที่เป็นสุหนี่ได้เข้าร่วมกับกลุ่มก่อการร้าย ISIL ก่อการกบฏในอิรัก แต่คนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกสนับสนุนซัดดัม ฝังอยู่กับลัทธิแก้แค้น ไม่ได้มุ่งเรื่องความเชื่อทางศาสนาของชาวมุสลิมสุหนี่ ซึ่งความจริงแล้ว ซัดดัม ฮุสเซน เป็นพวก “เซคคิวลาร์” (secularist) เต็มตัว มีไอดอลคือ “สตาลิน” และ “ฮิตเลอร์” ซัดดัมและพรรคบาธเป็นพวกต่อต้านศาสนา และมีอุดมการณ์ “เซคคิวลาร์” ความเกลียดชังอย่างรุนแรงของซัดดัมต่อการตื่นตัวของอิสลาม จึงเป็นเหตุให้เขาเปิดสงครามกับสาธารณรัฐอิสลามที่เพิงเกิดใหม่ ซึ่งนำโดย อะยาตุลเลาะห์ โคมัยนี โดยซัดดัมหวังที่จะขัดขวางการเกิดใหม่ของศาสนาอิสลามอีกครั้ง ดังนั้นการเรียกผู้สนับสนุนซัดดัม ฮุสเซน ที่เข้าร่วมด้วยกับกลุ่ม ISIL ว่าเป็น “สุหนี่” จึงเป็นความเข้าใจผิด กองกำลังของซัดดัม หรือเช่น ISIL จะอยู่ตรงกันข้ามกับศาสนาอิสลามดั้งเดิม ไม่ว่าทั้งกับ สุหนี่ หรือ ชีอะห์ !!
ชื่อ เต็มของสุหนี่ หมายถึง “บุคคลที่ตามขนบแนวทางของท่านศาสดาและมติประชาคม” (อะห์ลิซซุนนะวัลยะมาอะห์) ทว่าการกินตับของศัตรูที่เสียชีวิตไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของจริยวัตรของท่าน ศาสดา – มันเป็นพฤติกรรมของศัตรูของท่านศาสดา และพฤติกรรมดังกล่าวก็ชัดเจนว่าไม่ได้ถูกยอมรับโดยฉันทามติของสังคมมุสลิม
ขนบ แนวทางของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ซ.ล.) คือการสร้างเอกภาพ, การอดทนให้อภัย การเคารพซึ่งกันและกัน และการหล่อหลอมความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนที่แตกต่างกันในเรื่องชนเผ่าและ ศาสนา ต้นฉบับแท้ๆ ของชุมชนแบบมุสลิม นั่นคือชุมชนที่ท่านศาสดามุฮัมหมัดสถาปนาขึ้นที่เมือง “มาดินะห์” ซึ่งประกอบด้วย คริสเตียน ยิว และชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ร่วมกัน และมีอำนาจหน้าที่ร่วมกัน บนพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน
แบบ ฉบับ (ซุนนะห์) ที่แท้จริง คือการถือเหตุผลและเผยแผ่ด้วยวิธีที่ดีงาม ส่วนการใช้ “กำลัง” นั้นจะเป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น ศาสดามูฮัมหมัดและครอบครัว รวมทั้งสาวกของท่านเผยแผ่ศาสนาอิสลามอย่างสงบเป็นเวลา 12 ปี ท่ามกล่างการถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ความโหดร้ายป่าเถื่อน และการข่มเหงกลั่นแกล้งนานับประการ กว่าที่สุดท้ายพระเจ้าจะอนุญาตให้ต่อสู้เพื่อการป้องกันตนเอง
แบบ ฉบับที่แท้จริงของท่านศาสดา ยกย่อง “วิชาการความรู้” อย่างมาก เช่นวจนะที่ว่า “น้ำหมึกของนักวิชาการประเสริฐกว่าเลือดของผู้พลีชีพ” และประชาคมมุสลิมยอมรับเป็นเอกฉันท์ว่า นั่นคือแนวทางการทำงานเผยแพร่ตลอด 14 ศตวรรษของนักวิชาการอิสลามผู้ทรงคุณค่า – ทั้ง 5 แนวทาง (มัซฮับ) ที่สำคัญของอิสลาม ที่หมายรวม มัซฮับทั้งสี่ของสุหนี่ และมัซฮับชีอะห์ญะฟารียะห์- ที่ได้ร่วมกันฉายภาพให้เห็นแนวทางกระแสหลักของศาสนาอิสลาม ชาวมุสลิมสุหนี่ทั้งหมดให้ความเคารพอย่างมากต่อ อิหม่ามญะฟัร อัศศอดิก (Ja’far al-Sadiq) ผู้นำผู้เผยแพร่แนวทางหลักของมัซฮับชีอะห์ ดังนั้นผู้ก่อการร้ายที่ปฏิเสธความสำเร็จทางวิชาการอันยิ่งใหญ่นี้ และต้องการที่จะฆ่าทุกคนที่ไม่เห็นด้วยกับพวกเขา จึงถือว่าพวกนี้ห่างไกลโพ้นจากกฎเกณฑ์ของการเป็นมุสลิมสุหนี่
แล้ว ทำไมสื่อกระแสหลักของตะวันตกจึงยืนกรานในการเรียกชื่อ กลุ่มที่ทั้งต่อต้านสุหนี่และต่อต้านชีอะห์ อย่างกลุ่ม “ISIL” นี้ว่าเป็น “สุหนี่”?
อาจ บางทีปัญหาคือความ “เกียจคร้าน” ของผู้สื่อข่าว โดยนับแต่ ISIL มีความเกลียดชังเป็นพิเศษต่อ “มุสลิมชีอะห์” นั้น วิธีที่ง่ายที่สุดในการอธิบายเกี่ยวกับพวกเขา ก็คือการวาดภาพสถานการณ์ด้วยการอ้างว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างสุหนี่กับ ชีอะห์ และโดยวิธีการที่ไร้จรรยาบรรณนี้จะเป็นคำอธิบายทั่วไปอย่างง่ายที่สุด ที่ทำให้สื่อปลดเปลื้องตัวเองพ้นหน้าที่ในการต้องอธิบายรายละเอียด ว่าอะไรคือความเป็นจริงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่
แต่ ขณะเดียวกัน มันก็เป็นไปได้ว่า องค์กรสื่อมีความจงใจที่จะ “บิดเบือนรายงาน” ต่อสถานการณ์นี้ ไซออนนิสต์อนุรักษ์นิยมหัวรุนแรง ต้องการให้สหรัฐบุกอิรักเพื่อที่จะทำลายประเทศนี้และตะวันออกกลางทั้งหมด ด้วยการปลุกปั่นความขัดแย้งทางชาติพันธุ์และศาสนา ดังนั้นความขัดแย้งระหว่าง “สุหนี่” VS ชีอะห์” จึงเป็นเสียงกระซิบซาบที่ถูกสร้างขึ้นและแพร่ขยายออกไปผ่านคลื่นธงแห่งความ เท็จของขบวนการก่อการร้าย และบางทีอาจจะเป็นไปได้ว่าที่สื่อตีฆ้องร้องป่าวอยู่นั้นเป็นไปตามใบสั่งของ แผนโฆษณาชวนเชื่อ
อย่างไร ก็ตาม โลกของชาวมุสลิมสุหนี่ถูกใส่ร้ายอยู่ตลอดเวลาที่สื่อเรียกพวก “ISIL” ว่าเป็น “สุหนี่” และนี่มันควรเป็นเวลาสำหรับสุหนี่ที่จะออกมาปฏิเสธ “คุณลักษณะที่ผิดพลาด” ต่อแนวทางของพวกเขา บางทีชาวมุสลิมสุหนี่ควรเปิดบทเรียนสั่งสอนด้วยการฟ้องร้องทางกฎหมายต่อสื่อ ที่กำลังเผยแพร่ใส่ร้ายป้ายสีอยู่ในขณะนี้
แปลเรียบเรียง: ราชิด อะบุลฟัตตาห์ / www.abnewstoday.com
เขียนโดย: Kevin Barrett
ที่มา: Presstv