mashreghnews – หนังสือพิมพ์เดอะไทม์ อ้างจากผู้บัญชาการทหารอังกฤษว่า กองกำลังพิเศษของอังกฤษที่คอยให้การปกป้องกลุ่มฝ่ายค้านซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตกจากการถูกโจมตีจากผู้ก่อการร้ายไอซิส ดูเหมือนว่าการดำเนินการนี้ถือเป็นการมีส่วนร่วมครั้งแรกของอังกฤษในการเข้าประจำการในแนวหน้าในซีเรีย และบทบาทของพวกเขาไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการฝึกอบรมให้ฝ่ายค้านซีเรียในจอร์แดนอย่างเดียวอีกต่อไป
ในเรื่องนี้ มาห์มูด ซาเลห์ ตัวแทนของกลุ่มผู้ต่อต้านที่รู้จักในนาม “กองทัพซีเรียใหม่” กล่าวว่า ทหารอังกฤษได้ให้การช่วยเหลือด้านโลจิสติกและที่พักอาศัยแก่กองกำลังติดอาวุธ
อังกฤษได้ประกาศว่าหน่วยกองกำลังอังกฤษได้เข้าไปในจังหวัด Daraa ผ่านชายแดนจอร์แดน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการต้านทานต่อการโจมตีขนาดใหญ่ของกลุ่มไอซิสที่มีต่อกองทัพซีเรียอิสระและสามารถช่วยกลุ่มนี้ในการจัดระเบียบกลุ่มของพวกเขา
ในประเด็นดังกล่าวนี้แหล่งที่มาของรัฐบาลจอร์แดนกล่าวพร้อมกับยอมรับข้อเท็จจริงในเรื่องว่าสิ่งที่ต้องการจากจอร์แดนไม่ใช่เกมแห่งการรักษาความปลอดภัยชายแดน แต่สิ่งที่จอร์แดนต้องการคือการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มผู้ต่อต้านสายกลางในซีเรียเพื่อสร้างความสมดุลของกองกำลังในภาคสนาม
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลอังกฤษพยายามที่จะมีบทบาทและมีอิทธิพลมากขึ้นในภาวะวิกฤตซีเรียเพื่อแสดงบทบาทให้เกิดความกัดกร่อนของความขัดแย้งเหล่านี้ เมื่อเดือนที่ผ่านมา เดลี่เทเลกราฟ เปิดเผยว่า ได้รับเงินจำนวนหนึ่งสำหรับการสนับสนุนเงินทุนในประเทศที่เกิดสงคราม(ซีเรีย)โดยถูกส่งผ่านกรมพัฒนาระหว่างประเทศของอังกฤษส่งไปยังประเทศซีเรีย แต่ทว่าเงินจำนวน 5 ล้านปอนด์ กลับตกอยู่ในมือของกลุ่มหัวรุนแรง
ในขณะที่การปรากฏตัวของกองกำลังพิเศษอังกฤษในซีเรีย ทางรัฐสภาอังกฤษก็ได้ออกมาปฏิเสธที่จะให้ทหารของประเทศเข้าไปมีส่วนร่วมในการปฏิบัติการทางทหารในประเทศซีเรีย ซึ่งสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่มีมติคัดค้านและปฏิเสธที่จะให้อำนาจรัฐในการตัดสินใจที่จะส่งหน่วยพิเศษไปยังซีเรีย ในขณะเดียวกันที่มีการกล่าวว่า การมีส่วนร่วมในการดำเนินงานในต่างประเทศไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา
พยายามที่จะกัดกร่อนความขัดแย้งซีเรีย
ข่าวที่เกี่ยวข้องกับการปรากฏตัวของกองกำลังพิเศษของอังกฤษในประเทศซีเรียเกิดขึ้นในช่วง สองวันที่ผ่านมาก่อนที่จะมีรายงานการปรากฏตัวของกองกำลังพิเศษอังกฤษในลิเบีย แต่ทั้งนี้โฆษกทางการของกระทรวงกลาโหมอังกฤษไม่ได้แสดงความเห็นและตอบสนองต่อข่าวดังกล่าวอีกทั้งไม่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย แต่ก็ดูเหมือนว่าด้วยการเพิ่มขึ้นของความตึงเครียดในภูมิภาคและการเปิดประตูอีกครั้งให้กับบรรดานักล่าอาณานิคมในภูมิภาคภายใต้ข้ออ้างของการต่อสู้กับการก่อการร้ายนั้น ทำให้อังกฤษมีความพยายามที่จะทดสอบอำนาจของตนอีกครั้งเคียงข้างอเมริกาในโครงการขยายอิทธิพลในระดับภูมิภาค แต่ทั้งนี้ความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับโชคลาภแต่เมื่อพิจารณาดูจากประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้วมันน่าจะไปสู่ความล้มเหลวครั้งใหม่
การปรากฏตัวของทหารอังกฤษในซีเรียเป็นช่วงในเวลาเดียวกันที่กลุ่มก่อการร้ายต่างๆในซีเรียกำลังพ่ายแพ้ต่อกองกำลังทหารรัฐบาลซีเรียและกลุ่มมุกอวิมัต(กองกำลังต้านทาน) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอเมริกาและอังกฤษไม่มีความเต็มใจที่จะแก้ไขวิกฤติในซีเรีย และด้วยความช่วยเหลือที่มีต่อกลุ่มสายกลางที่พวกเขาอ้างนั้น จึงมีความพยายามที่จะเพิ่มการต่อสู้ต่อต้านรัฐบาลซีเรียและทำลายการถ่วงดุลอำนาจมากขึ้น
อย่างไรก็ตามกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้มีความต่างอันใดกับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสและญิบฮะห์ อันนุศราห์ ส่วนอังกฤษก็เช่นเดียวกับอเมริกาและพันธมิตรบางประเทศในภูมิภาคที่ไม่เต็มใจในการทำลายและขุดรากถอนโคนกลุ่มก่อการร้ายอีกทั้งไม่พอใจต่อชัยชนะของกลุ่มมุกอวิมัต การปรากฏตัวของกองกำลังอังกฤษในสถานการณ์วิกฤตซีเรียเป็นการสนับสนุนกลุ่มต่างๆและเป็นการส่งเสริมให้เกิดวิกฤติในซีเรียอย่างต่อเนื่อง
อังกฤษกับแผนการสร้างสหพันธรัฐในซีเรีย
ตอนนี้อเมริกา อังกฤษและรัสเซียกำลังมีแนวคิดที่จะวางระบบการเมืองในอนาคตของซีเรียนั้น คือระบบสหพันธรัฐ การเสริมทัพทหารอังกฤษในซีเรียก็สามารถที่จะตีความในรูปแบบนี้เช่นกัน ตามสมการข้างต้นประเทศเหล่านี้กำลังพยายามที่จะแบ่งซีเรียให้เป็นสามส่วน คือ รัฐบาลกลาง สหพันธรัฐอาลาวี ซุนนี และเคริด์ อย่างไรก็ตามประมาณการของการเปลี่ยนแปลงในซีเรียที่เกิดขึ้นบ่งชี้ว่าแผนการดังกล่าวมีความเป็นไปได้น้อยมาก
ภายใต้ร่มเงาแห่งความสมดุลของอำนาจในภาคสนามอย่างต่อเนื่องทำให้แนวโน้มที่ระบอบการปกครองของอัสซาดจะยังคงอยู่ต่อไปนั้นมีความเป็นไปได้สูงกว่าการล่มสลาย และสิ่งนี้สอดคล้องกับคำพูดของบัชชาร์อัสซาดประธานาธิบดีที่กล่าวปราศรัยเมื่อวานนี้ ในทางกลับกันหากระบบการปกครองของอัสซาดล่มสลาย มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความวุ่นวายทางการเมืองและความมั่นคง หรือไม่หากกลุ่มก่อการร้ายตักฟีรีสามารถจัดตั้งรัฐขึ้นมาในภูมิภาคนี้ ซึ่งแน่นอนยิ่งความเสี่ยงด้านผลประโยชน์ของมหาอำนาจล่าอาณานิคมในภูมิภาคโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับอิสราเอลก็จะต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่อีกครั้ง
ข้อสรุป
เป็นที่ชัดเจนว่าการใช้สโลแกนและเครื่องมือต่าง ๆ เช่น การต่อสู้กับการก่อการร้ายเป็นความพยายามที่ไร้สาระเพื่อปกปิดแผนการแสวงหาผลประโยชน์ และการสมรู้ร่วมคิดของบรรดาชาติมหาอำนาจเหล่านี้ในภูมิภาค เพราะวิธีเดียวที่จะต่อสู้กับการก่อการร้ายในระดับภูมิภาคคือการกำจัดและทำลายรากเหง้าผู้ก่อการร้ายและกลุ่มตักฟีรีอย่างจริงจังแทนการกระทำโดยพลการ โดยที่มหาอำนาจเหล่านี้ต้องแสดงบทบาทในการอยู่เคียงข้างระบอบการปกครองและกองทัพซีเรียและกองกำลังต้านทานอย่างแท้จริง พร้อมกับปิดช่องทางการเงินและอาวุธของกลุ่มก่อการร้าย วางมาตรการลงโทษบุคคลที่สนับสนุนผู้ก่อการร้ายในระดับภูมิภาคที่ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายอย่างเปิดเผย
การกระทำของอังกฤษในครั้งนี้ไม่ว่าจะมีข้ออ้างใดๆก็ตาม มันเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของชาติสมาชิกสหประชาชาติ และการกระทำเช่นนี้ถือเป็นความแปลกใหม่ที่อันตรายที่สุดในโลกที่ได้แทรกแซงกิจการทางทหารในประเทศอื่น และการกระทำโดยพลการครั้งนี้จะทำให้โลกไปสู่ความไม่มั่นคงมากยิ่งขึ้น
แน่นอนการที่อเมริกาและอังกฤษสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในซีเรียมันเห็นผลที่ชัดเจน นั้นก็คือเกิดวิกฤตอย่างต่อเนื่องในซีเรียเป็นเวลาห้าปี และผลที่ตามมาทำให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตจำนวน 470,000 กว่าคน และเจ็ดล้านกว่าคนต้องอพยพเร่ร่อน