อิสลามอเมริกัน และการสร้างความแตกแยกในสังคมมุสลิม

740

 

 

ประวัติศาสตร์ โลกอิสลาม ชี้ให้เราเห็นว่า ในยุคสมัยหนึ่งได้มีเหล่านักคิด นักเขียนชาวมุสลิม ในดินแดนต่างๆ ที่รู้ทัน ถึงแผนสมคบคิด ของเหล่าชาติมหาอำนาจ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และไซออนิสต์ ในการพยายามสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้น ในประชาชาติมุสลิม  พวกเขาจึงทุ่มเทแรงกาย และแรงใจ พยายามสร้างความสามัคคี และความเป็นหนึ่งให้เกิดขึ้น  ในอดีตผู้ที่จะรู้ถึงแผนสมคบคิดอันนี้นั้นมีจำนวนไม่มากนัก แต่ในวันนี้ กลิ่น และร่องรอยของมัน เป็นสิ่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน โดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ  การลอบสังหาร การก่อสงครามในตะวันออกกลาง และการสร้างกระแสความหวาดกลัวต่ออิสลาม โดยมีสื่อที่เป็นปากเสียงให้ตะวันตก เป็นพยานถึงสิ่งต่างๆ เหล่านี้
เหล่านักคิด นักคิด ในอดีต ที่รู้ถึงแผนการดังกล่าว อย่างเช่น ซัยยิด ญะมาลุดดีน อะซัด ออบอดีย์ มูฮัมมัด อับดุฮ อิกบาล ลาฮุรีย์ ต่างก็ได้พยายามสร้างความสามัคคี ให้เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ของมุสลิม และได้ย้ำเตือนกับบรรดามุสลิมอยู่เสมอ ให้รู้ถึงแผนกา และอันตรายจากการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นสังคมมุสลิม

จากคำกล่าวของ ซัยยิด ญะมาลุดดีน อะซัด ออบอดีย์ ทำให้เหล่าบรรดามุสลิมในยุคนั้น เข้าใจถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา จาก ความขัดแย้ง และความแตกแยกของมุสลิม ท่านได้กล่าวว่า

“ความเจ็บปวดที่สาหัส ที่สุดของประชาชนในภาคตะวันออกของโลก คือ การที่พวกเขามีความขัดแย้งกัน ในเรื่องของเอกภาพ แต่ความสามัคคีกันในการแตกแยก ราวกับพวกเขาให้สัญญากันว่า จะไม่มีวันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”

ความเห็นของนัก เคลื่อนไหวผู้เป็นตำนานในอดีต อย่าง ซัยยิด ญะมาลุดดีน อะซัด ออบอดีย์ ค่อนข้างที่จะรุนแรง แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่มาจากคำพูดของเขา คือ ความจริงอันหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า เปลวไฟแห่งความขัดแย้ง กำลังเผาไหม้ประชาชาติมุสลิม

ภาพของมุสลิมที่ถูกนำ เสนอให้กับชาวโลก เต็มไปด้วยความสับสน ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่า จะเป็น อียิปต์ ตูนิเซีย บาห์เรน อิรัก ซีเรีย ปากีสถาน อัฟกานิสถาน ตุรกี จอร์แดน แอฟริกา หรือไม่ว่าที่ใดก็ตามที่ เปลวเพลิงอันนี้ ได้ลุกลาม ในสังคมที่มุสลิมอยู่อาศัย ล้วนแล้วแต่เป็นข้อยืนยันที่พิสูจน์ให้เห็นถึงแผนสร้างความแตกแยกอันนี้ การปล่อยปละละเลยให้วิกฤติอันนี้กลืนกินมุสลิม มีแต่จะทำให้สังคมอิสลามเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ
ความเขลา คือ เครื่องมือชั้นเยี่ยมที่ศัตรูใช้เป็นประโยชน์
เชค ฮามีด อะฮมาดีย์  หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการด้านการศึกษาของมหาวิทยาลัย ได้กล่าวแนะนำ เกี่ยวกับการสร้างความแตกแยก และความจำเป็นที่จะต้องรู้ทันสถานการณ์ ในหมู่มุสลิมว่า

“มุสลิมจะต้องรู้ทันถึงแผนการอันนี้ว่า  การสร้างเอกภาพในโลกอิสลามเป็นสิ่งที่ตะวันตก และเหล่ามหาอำนาจ ไม่อาจยอมรับได้ จากประสบการณ์ของพวกเขาก็ได้สอนให้พวกเขาเรียนรู้ด้วยเช่นกันว่า ถ้าหากมุสลิม สามารถสร้างความเป็นเอกภาพได้สำเร็จ ผลประโยชน์พวกเขาจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน และการดำเนินแผน ในการสวาปาม และควบคุมโลกอิสลาม หรือโลกทั้งใบก็จะเป็นใบเบิกทาง นำไปสู่ความหายนะสำหรับพวกเขา ความโง่เขลาและการไม่รู้เท่าทันสถานการณ์ในหมู่มุสลิม เป็นเครื่องมืออย่างดี ที่พวกเขาใช้สร้างความแตกแยก ในหมู่บรรดามุสลิม”

ฮูเซน ชัยคุลอิสลาม ที่ปรึกษากิจการระหว่างประเทศ ก็ได้กล่าวเกี่ยวกับแผนการของศัตรู ในการสร้างความเป็นประปักษ์ต่อกัน ระหว่าง ซุนนี่ และชีอะฮ์ ในโลก และความพยายามในการสร้างความอ่อนแอ ให้เกิดขึ้นในสาธารณะรัฐอิสลามอิหร่าน โดยชี้ว่า

“จากชัยชนะในการ ปฏิวัติอิสลาม ทำให้เกิดเส้นแบ่งเขตที่ถูกต้องอย่างชอบธรรมขึ้นมาในโลก และเส้นแบ่งเขตอันนี้ ก็กำลังต่อสู้กับผู้ที่ยึดเอาความไม่ชอบธรรมต่างๆ รากฐานความถูกต้องในโลก ฃมีแหล่งมาจาก สองราก คือ ความชอบธรรมที่มาจากประชาชน และความชอบธรรมที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า  คุณลักษณะพิเศษที่สาธารณะรัฐอิสลามแห่งอิหร่านมี ก็คือ การที่พวกเขาได้รับความชอบธรรม
ทั้งที่มาจากประชาชน และยึดหลักกฎหมายที่มาจากบทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า หลังจากเหตุการณ์นี้ เหล่าผู้ล่าอาณานิคม เหล่าผู้ก่อการร้าย และเหล่าบรรดาผู้กดขี่ ต่างก็ทุ่มเท และพยายามที่จะต่อสู้กับความชอบธรรมอันนี้ พวกเขาต่างก็คิดว่า การมีอยู่ของสาธารณะรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน จะทำให้ความชอบธรรมของพวกเขาต้องสูญหายไป จึงได้เข้าไปรวมอยู่ในแถวของผู้เป็นปฏิปักษ์ ต่อ อิหร่าน และอีกกลุ่มหนึ่ง ก็ได้ใช้ศาสนา ในการต่อต้าน อิหร่าน ซึ่งนั่นก็นับเป็นหนึ่งในวิธีการต่อสู้กับ รัฐอิสลามแห่งอิหร่าน “

การสร้างความแข็งแกร่งและความให้มั่นคงให้กับแนวคิดแบบอิสลามอเมริกัน

ที่ปรึกษาระหว่างประเทศ ได้กล่าว พร้อมนำเสนอ ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า  ในสงครามที่ซัดดัม ฮุซเซน ได้สร้างขึ้น ไม่ว่าทรราชผู้นี้จะต้องการอะไร สหรัฐจะค่อยป้อนให้เขาอยู่หลังม่านเสมอ และบางประเทศก็คอยให้การสนับสนุนทางการเงิน  เหล่ากลุ่มก่อการร้ายและมุนาฟิก ต่างก็ได้ดำเนินแผนในการลอบสังหาร เหล่าบุคคลสำคัญ   สิ่งที่จะต้องไม่ลืมก็คือ ในบางกรณี อิสราเอล ก็เป็นผู้เล่นที่เข้ามาอยู่ในแนวหน้า ตลอดเวลาที่ผ่านมาอิหร่านมีความแข็งแกร่งขึ้น และยังมีความสามารถในการทำลายแผนการต่างๆ เหล่านี้ได้ด้วยความชอบธรรมที่ยึดหลักจากศาสนาและเสียงของประชาชน พวกเขาได้ต่อสู้กับบรรดาผู้กดขี่ เหล่าทรราช และชาติมหาอำนาจ ในซีเรีย ความแตกแยกที่เกิดขึ้นก็สามารถที่ใช้จะเป็นข้อยืนยันได้ดี ถึงแผนการของศัตรู
ตะวันตกพยายามสร้าง อิสลามแบบอเมริกัน และสร้างความเข้าใจที่ง่ายๆ สำหรับอิสลาม ซึ่งการสร้างอิสลามแบบนี้ เราสามารถยกตัวอย่าง กลุ่มก่อการร้าย อย่าง ตอลีบัน ในอัฟกานิสถาน และปากีสถาน และเหล่าผู้ก่อการร้ายใน อาหรับ และ ซีเรีย เพราะกลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้ กำลังดำเนินตามแผนของพวกเขา ทุกอย่างเริ่มประจักษ์ชัด ต่อสายตาของชาวมุสลิมทั้งโลก
การเพิ่มแผนงานของวะฮาบี ในซาอุดิอาราเบีย

หนึ่งในประเทศ ที่กอบโกยผลประโยชน์จากน้ำมันนับเป็นล้านๆ ดอลลาร์และประเทศซึ่งเล่นเกมอันตรายในตะวันออกกลาง ก็คือ ซาอุดิอาระเบีย  ราชวงศ์ซาอุ ได้สร้างกลุ่มต่างๆ หลายสาขา โดยการโปรยอาวุธ และ เงินให้กับกลุ่ม เหล่านี้ เลี้ยงดู อุปถัมภ์ กลุ่มหัวรุนแรง พร้อมด้วยการสนับสนุนจากตะวันตก  บทบาทที่พวกเขาได้วาง ไว้ในตะวันออกกลาง คือ การสร้างปัญหาเรื่องความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในระหว่างศาสนาและ นิกาย  พวกเขาได้ใช้ความเชื่อแบบ “วะฮาบีย์”  ในการปกครอง และการปลูกฝังความคิด น่าเสียดาย ที่ ต้นทุนรายใหญ่ของประเทศ อิสลาม และประเทศที่เป็นผู้พิทักษ์มักกะฮ์ และมะดีนะฮ์ และยังเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมัน กลายเป็นประเทศที่พวกเขาเป็นเจ้าของ ผลจากการ โปรยงบประมาณอาวุธและการรับโครงการที่มาจาก การเสนอ ของราชวงศ์ ทำให้เกิดกลุ่ม “ตักฟีรีย์” ขึ้นมา ในแผ่นดินต่างของประเทศอิสลาม  และสร้างภาพลักษณ์แห่งความรุนแรงสำหรับชาวมุสลิม  พวกเขาไม่ต้องการให้เกิดการปฏิวัติ แบบอิหร่าน ขึ้น และสร้างอัตลักษณ์ความรุนแรง และความน่าหวาดกลัวสำหรับมุสลิมให้ชาวโลกได้รับรู้ ทว่าเหล่าผู้รู้ฝ่ายมุสลิมก็ได้รู้ทันถึงแผนการดังกล่าว และตื่นตัวต่อแผนการอันนี้ ไม่น้อย แน่นอนว่า เหล่าบรรดานักคิดนักเขียนมุสลิมจำนวนมาก ก็พยายามที่จะทำสงครามอันนี้ โดยการสร้างเอกภาพให้เกิดขึ้นในหมู่บรรดามุสลิมให้ได้มากที่สุด
   

 

อิสลาม เครื่องมือทำลาย อิสลาม

กามาลีย์ ผู้เชี่ยวชาญกิจการระหว่างประเทศ ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “เหล่าบรรดาผู้นำอาหรับได้เล็งเห็นว่า สิ่งสำคัญกว่าการเผยแพร่แนวคิดวะฮาบีย์ คือการเผยแพร่แนวคิดตักฟีรีย์ พวกเขาได้ใช้ อิสลามเป็นเครื่องมือขยี้อิสลาม หมายถึงพวกเขาได้ใช้หน้ากากของอิสลามมาทำลายอิสลาม การใช้การตักฟีร ผู้อื่น เป็นเครื่องมือ ในการทำลายศาสนาได้อย่างดีสำหรับพวกเขา  และพวกเขาไม่มีวันต้องการให้มุสลิม รวมตัวเป็นเอกภาพ และเป็นประชาชาติเดียวกัน
การรู้จักสถานะของตัวเอง การรู้จักศัตรู และเกมของศัตรู
เชค อะฮมาดีย์ ได้ให้คำแนะนำ โดยชี้ว่า มุสลิมทุกคน จะต้อง ย้อนกลับไปหากุรอ่านและซุนนะฮ์ และวิถีชีวิตของศาสดา และพิจารณาคำสั่งเสียของท่าน  ซึ่งสิ่งนี้สามารถเป็นรากในการสร้างเอกภาพให้เกิดขึ้นในสังคม มุสลิม และอันที่จริงแล้วอัลกุรอ่านได้เชิญชวนมุสลิมสู่ความเป็นเอกภาพ และซุนนะฮ์ของศาสนาก็ได้เชิญชวนบรรดามุสลิมให้รักษาความสามัคคีอันนี้ไว้ เช่นกัน ซึ่งสองรากดังกล่าวเป็นสิ่งที่มุสลิมต่างยอมรับความแตกต่างระหว่างนิกายซุน นี่และชีอะฮ ไม่ได้อยู่ที่ความเชื่อในเรื่องการยึดถืออัลกุรอ่าน หรือ แบบฉบับของศาสดา ดังนั้น จากคำแนะนำของ ซัยยิด อาลี คาเมเนอีย์ ผู้นำสูงสุด คือ เบื้องต้นจะเกิดเอกภาพได้จะต้องรู้จักตัวเองและเข้าใจถึงแก่นแท้ของอิสลาม เข้าใจถึงสิ่งที่มีอยู่ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของตัวเองให้ดีเสียก่อน  และหากการไม่รู้เท่าทันแผนการศัตรู การไม่รู้เท่าทันสถานการณ์ และความเขลา มีเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะทำให้ศัตรูสามารถที่จะใช้เป็นประโยชน์ ในการทำลายเอกภาพได้มากขึ้นเท่านั้น สิ่งที่เราเป็นพยาน ถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ ก็คือ การใช้ความโง่เขลา เป็นเครื่องมือในการสร้างความแตกแยก

การรู้จักฐานะ และแก่นแท้ของมุสลิม

การ รู้จักฐานะ และแก่นแท้ของมุสลิมคือ ขั้นตอนแรกที่สำคัญ ที่จะทำให้เรารู้ว่า ศัตรูที่แท้จริงของเราคือ ใคร?  การเพิกเฉย และการละเลยต่อการร้าย และเล่ห์เหลี่ยมของศัตรู สามารถทำให้ เราสามารถมองคนที่ เราเห็นเป็นมิตรเมื่อวาน กลายเป็นศัตรูในวันนี้  โลกแห่งการล่าอาณานิคม โลกแห่งตะวันตก พยายามใช้สื่อต่างๆ ในการเปลี่ยนมิตรเป็นศัตรู และเปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร   และการทำให้ไม่รู้จักศัตรูที่แท้จริง นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกอิสลาม ศัตรูที่แท้จริงของเราคือ ไซออนิสต์ ทุกวันนี้เราต่างก็เห็นแล้วว่า มีผู้ที่สวมหน้ากากอิสลามกำลังพยายามออกมาปกป้องพวกเขาในทุกๆ รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวหาฮามาส หรือ ข้อหาอ้างต่างๆ นานา ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบัน นับเป็นข้อพิสูจน์ที่ดี สำหรับคำกล่าวอ้างเหล่านี้  เอกภาพ และความสามัคคี นับเป็นสิ่งที่ล้ำค่ายิ่งกว่าเงินตรา หากขาดมัน ศัตรูจะถูกมองเป็นมิตร และมิตรจะถูกปรักปรำกลายเป็นศัตรู

 

ข้อมูลอ้างอิง http://islamtimes.org/vdcaoinei49nym1.k5k4.html