กะอฺบะฮฺถือเป็นบ้านหลังแรกที่ได้ถูกสถาปนาขึ้นท่ามกลางประชาชาติเพื่อการอิบาดะฮฺเป็นศูนย์กลางแรกที่ได้โน้มน้าวและดึงดูดผู้ปฏิบัติอิบาดะฮฺทั้งหลายไปสู่ตน
อัลกุรอานกล่าวว่า “แท้จริง บ้านหลังแรกถูกตั้งขึ้นสำหรับมนุษยชาติคือที่บักกะฮฺ เป็นที่จำเริญ และเป็นทางนำสำหรับประชาชาติทั้งหลาย ในนั้นมีสัญญาณต่างๆ อันชัดแจ้งเช่นมะกอมอิบรอฮีม ผู้ใดเข้าไปในบ้านนั้นย่อมได้รับความปลอดภัย สิทธิ์ของอัลลอฮฺทรงกำหนด แก่มนุษย์ คือการฮัจญฺ ณ อัลบัยตฺ เป็นหน้าที่ของผู้สามารถเดินทางไปยังบ้านนั้น ผู้ใดปฏิเสธพึงรู้เถิดอัลลอฮฺไม่ทรงพึ่งประชาชาติทั้งหลาย ดังนั้น ทั้งฮัจญฺและสถานที่ประกอบฮัจญฺ มิได้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ใด หากแต่เป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ และเป็นบัญชาของพระองค์ ฮัจญฺ จึงเป็นทั้งอิบาดะฮฺ และเป็นการเมืองของพระองค์
กะอฺบะฮฺ นับเป็นสถานอิบาดะฮฺที่เก่าแก่กว่าสถานที่อื่นทั้งหมด กะฮฺบะฮฺ เป็นสถานที่แรกที่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อการอิบาดะฮฺของปวงบ่าวของพระเจ้าและเป็นแหล่งชี้นำทางมนุษย์ชาติ ดั่งที่ที่ทราบกันดีว่า กะอฺบะฮฺ มีความจำเริญและมีความสิริมงคลมากมาย การชี้นำทางของ กะอฺบะฮฺ สำหรับประชาชาติทั้งปวง มิได้จำกัดแค่ชนชาติหนึ่งชนชาติใด หรือจำกัดแค่ยุคหนึ่งยุคใดเท่านั้น
บนพื้นฐานดังกล่าวนี้เองในมุมมองของชีอะฮ์นั้นจะให้ความสำคัญต่อกะอฺบะฮ์มากเป็นพิเศษ เพราะ
1 กะอบะฮ์เป็นบ้านของอัลลอฮ์และเป็นศูนย์รวมของมวลมุสลิมและมวลมนุษย์ชาติ
2 กะอฺบะฮ์เป็นสถานที่ประสูติของท่านอิมามอะลี (อ) ที่บรรดาชีอะห์ให้การเคารพ ซึ่งก่อนหน้านั้นและหลังจากนั้นก็ไม่มีบุรุษผู้ใดอีกเลยที่ถือกำเนิดในบ้านของอัลลอฮ์
3 กะอ์บะฮ์เป็นสถานที่ที่ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ) จะปรากฏตัวเพื่อทำการปฏิวัติโลกและเชิญชวนมนุษย์ชาติเข้าร่วมขบวนการปลดปล่อยมนุษย์ชาติหลุดพ้นจากทุกพันธนาการ
4 ชีอะห์ไม่มีวันคิดทำลายกะอฺบะฮ์อย่างที่ลัทธิวะฮาบีประโคมข่าวอย่างแน่นอน มิหนำซ้ำชีอะห์ยังให้เกียรติและให้การเคารพอย่างมากต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เพราะมีแบบฉบับจากบรรดาอิมาม (ผู้นำของชีอะห์) ที่พยายามปกป้องสิทธิและเกียรติของกะอฺบะฮ์ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ เช่น ท่านอิมามฮุเซ็น (อ) ยอมที่จะออกจากมักกะฮ์เพื่อมิให้สถานที่แห่งนี้เปื้อนเลือดด้วยการสังหารท่าน จึงต้องเร่งเดินทางออกจากมักกะฮ์ มุ่งสู่กูฟะห์ หลังจากที่ได้รับทราบข่าวว่ายะซีด ผู้นำของราชวงศ์อุมัยยะห์ต้องการลอบสังหารท่านในมักกะฮ์ ในปี ฮ.ศ 60
5 ในประวัติศาสตร์ได้บันทึกอย่างชัดแจ้งและเป็นที่ยอมรับว่าชีอะฮ์ให้การสนับสนุนและส่งเสริมการเยี่ยมรำลึกร่องรอยต่างๆทางประวัติศาสตร์อีกทั้งมีการบูรณะซ่อมแซมสถานที่ดังกล่าวให้เป็นอุทาหรณ์แก่อนุชนรุ่นหลังได้สัมผัสกลิ่นไอแห่งบรรยากาศในอดีต ต่างจากลัทธิวะฮาบีที่พยายามทำลายและลบร่องรอยทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ให้สิ้นซากดั่งตัวอย่างที่เราเห็นในวันนี้ในแผ่นดินซาอุดิอาระเบีย
6 ซาอุดิอาระเบีย ในขณะนี้แทบจะไม่เหลือเค้าเดิมของอาณาจักรอิสลาม นิกายวะฮาบีย์ แห่งตะวันออกกลางอีกเลย นับตั้งแต่ปี 2528 จนถึงบัดนี้ ชาวซาอุดีอาระเบียได้ทำลายมรดกของอาณาจักรอิสลามไปแล้วกว่า 98% โดยนอกจากการทำลายอาคารโบราณเพื่อนำมาสร้างโรงแรมใหม่ ๆ แล้ว ยังมีหลักฐานชี้ว่าพวกเขาจงใจทำลายสถานที่ทางวัฒนธรรมที่หลงเหลืออยู่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังเช่น มัสยิดของ Caliph Abu Bakr ที่เพิ่งจะถูกทำลายแล้วนำตู้ ATM มาตั้งแทน หรือแม้แต่ Mount Uhud ในเมดินา ก็ถูกเติมเต็มด้วยคอนกรีตและรั้วกันสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ในความพยายามเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่ หลังจากวางแผนสร้างพระราชวังแห่งใหม่ทับสถานที่เกิดของมูฮัมหมัด ความบ้าคลั่งก็เริ่มขึ้นรอบ ๆ พื้นที่ดังกล่าวเพื่อทำลายทุกหลักฐานที่บ่งชี้ว่ามันคือที่เกิดของบุคคลสำคัญในอดีต อีกทั้งเนื่องจากนิกายวะฮาบีย์ไม่เคารพรูปปั้นบูชาใด ๆ เหล่านักบวชจึงกระตุ้นให้มีการทำลายล้างอนุสาวรีย์และสิ่งประดิษฐ์ที่อาจหันเหความสนใจของปวงชนไปจากประเจ้า จนร่องรอยวัฒนธรรมในอดีตได้วินาศลงไปจนหมดสิ้น
7 การทำลายร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของวาฮาบี ซาอุดิอาระเบีย หากพี่น้องไม่เชื่อว่า “วะฮ์ฮาบี” มีแนวคิดทำลายร่องรอยทางประวัติศาสตร์อิสลามจริงๆ(เพื่อไม่ให้ร่องรอยทางประวัติศาสตร์หลงเหลืออยู่) หากไม่เชื่อก็ลองมาดูสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่พวกเขาได้ทำลายไปแล้ว (สถานที่สำคัญที่พวกเขาทำลายไปแล้ว)
7.1. ทำลายสุสานบะเกี้ยะฮ์
7.2. เคยทำลายหลุมฝังศพ(ฮะรัม)ของท่านอิมามฮุเซนหลานรักของท่านนบี
7.3. ทำลายมัสยิดซัลมาล
7.4.ทำลายบ้านของท่านฮัมซะฮ์ลุงของท่านนบี
7.5. ทำลายฮะรัมหลุมฝังศพของอบูซัร(ศอฮาบะฮ์นบี)
7.6. ทำลายบ้านที่อิมามซัจญาดเคยอาศัย
7. 7. ทำลายฮะรัมของท่านหญิงฮะวา
7.8.ทำลายฮะรัมของท่านอับดุลลอฮ์บิดาของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ็อลฯ)
7.9. ทำลายฮะรัมของบรรดาบุตรสาวของท่านนบี
7.10. ทำลายบ้านของท่านหญิงฟาติมะฮ์ในมักกะฮ์
7.11. ทำลายมุศอลลาของท่านนบีที่อยู่ใกล้ๆกับกะอฺบะฮ์
7.12. ทำลายบ้านของอุมุลฮานี ซึ่งเป็นสถานที่เริ่มต้นของการมิฮ์รอจของท่านนบี
7.13.ทำลายฮะรัมของบรรพชนของท่านนบี เช่น อับดุลมะนาฟ อับดุลมุฏฏอลิบ และฮาชิม
7.14. ทำลายช่องแคบหุบเขาอบูฏอลิบซึ่งเป็นสถานที่ที่มุสลิมหลบภัยในช่วงการคว่ำบาตรทางเศรษกิจสังคมต่อท่านนบี
7. 15. ทำลายมัสยิด อุตบาน บินมะลักซึ่งเคยเป็นมุศอลลาของท่านนบีมาก่อน
7.16. ทำลายบ้านที่ท่านนบีประสูติซึ่งอยู่ด้านหลังของภูเขาศอฟา
7.17.ทำลายหลุมฝังศพของท่านหญิงคอดีญะฮ์ภรรยานบี
7.18.ทำลายฮะรัมของอิบรอฮีมบุตรชายของท่านนบีซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยมือของท่านนบีเองแต่กลับถูกวะฮ์ฮาบีทุบทำลายจนหมดสิ้น
7.19. ทำลายฮะรัมของท่านอบูฏอลิบ และฟาติมะฮ์บินติอะซัด ซึ่งถูกสร้างด้วยมือของท่านนบีและถูกกำหนดให้เป็นสถานที่สำหรับซิยาเราะห์ แต่วะฮ์บีก็ทำลายเสีย
7.20. ทำลายฮะรัมของเหล่าบรรดาศอฮาบะฮ์ของท่านนบี เช่น ญาบิร บินอับดุลลอฮ์ , มิกดาร, อุซามะฮ์ และคนอื่นๆ
8 ประวัติศาสตร์บันทึกว่า ยะซีด บุตรของมุอาวิยะฮ์ ได้ทำ “การเผาบัยตุลลอฮ์” (บ้านของพระผู้เป็นเจ้า) กองทัพของเขาภายใต้การบัญชาการรบของหุศ็อยน์ บินนุมัยร์ ได้โจมตีนครมักกะฮ์ และได้เผาอาคารบัยตุลลอฮ์ โดยการยิงลูกไฟเข้าไปยังมัน
9 ฮุจญาจ บิน ยุโซฟ อัลษกอฟีย์ ผู้บัญชาการทหารในคอลีฟะห์ อับดุลมาลิก แห่งราชวงศ์อุมัยะฮ์ ที่ได้สังหาร อับดุลลอฮ์ บิน ซุเบร ในบริเวณรอบกะอฺบะฮ์ ทำให้บริเวณลานกะอฺบะฮ์เป็นสีเลือด และทำให้อาคารกะอฺบะฮ์พังเสียหาย (ตารีค คุลาฟาอ์ ซายูตี)
10 กลุ่มก่อการร้ายไอซิสที่ไดรับการสนับสนุนจากซาอุดิอาระเบียและอเมริกา เคยประกาศที่จะทำลายกะอฺบะฮ์
ตามรายงานสำนักข่าว อิรนา รายงานข่าวต่าง ๆ จากอิรัก ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มก่อการร้ายตักฟีรีย์ (ISIS) หรือที่เรียกว่า “ดาอิช” ในในถ้อยแถลงที่อุกอาจในช่วงล่าสุดของตน ได้ขู่ว่าจะทำลายวิหารกะอ์บะฮ์ มุชัรร่อฟะฮ์ ในเรื่องนี้เช่นกัน ที่ผู้บัญชาการคนหนึ่งของกลุ่ม “ไอซิส” (ISIS) ซึ่งมีนามว่า “อบูตุร๊อบ อัลมุก็อดดะซี” ได้ตีพิมพ์เนื้อหาหนึ่ง บนหน้าไซเบอร์สเปซของตนเอง โดยเขียนว่า : วันนี้วิหารกะอ์บะฮ์ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการตั้งภาคี (ชิกร์) และจำเป็นจะต้องถูกทำลาย
เกี่ยวดับประเด็นนี้ เขายังได้ประกาศต่อไปว่า : “อบูบักร อัลบัฆดาดี” ผู้นำกลุ่ม “ดาอิช” (ISIS) ได้ออกคำสั่งให้ทำลายวิหารกะอ์บะฮ์
อบูตุร๊อบ อัลมุก็อดดะซี ยังได้กล่าวอีกว่า : “อบูบักร อัลบัฆดาดี” ได้อ้างว่า ประชาชนจะลูบมือของตนเองลงบนวิหารกะอ์บะฮ์ และทำการตะบัรรุก และการกระทำของคนเหล่านี้ คือการตั้งภาคี (ชิรก์) ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ถ้าหากเราเข้าสู่วิหารกะอ์บะฮ์ได้ เราจะทำลายมัน”
เขากล่าวเสริมว่า ประชาชนเหล่านี้ได้เดินทางไปยังเมืองมหานครมักกะห์ เพื่อทำการลูบมือวิหารกะอฺบะฮ์ เท่านั้น หาได้เพื่อแสวงหาความใกล้ชิดต่อพระองค์ไม่
เขากล่าวเสริมว่า ขอสาบาน หากเราสามารถพิชิตมหานครมักกะฮ์ได้ เราจะทำลายวิหารกะอฺบะฮ์ สถานที่อิบาดะห์ของพวกท่าน ให้สิ้นซาก
ดังนั้นพอจะมองภาพออกใช่ไหมครับว่าพวกไหนกันแน่ที่พยายามทำลายกะอฺบะฮ์…..!!! แล้วทำไมพวกวะฮาบีจึงพยายามนักหนาเพื่อทำลายร่องรอยทางประวัติศาสตร์ ??? เป้าหมายเพียงอย่างเดียวก็คือเพื่อให้ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับอิสลามนั้นสูญหายไปจากโลกนี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องให้คนรุ่นหลัง รุ่นหลานแหลนจะได้รู้จักกันอีก และพวกเขาจะได้ลืมอิสลามและคงไว้ซึ่งแค่เปลือกของอิสลามเท่านั้นดั่งเช่นลัทธิวะฮาบตักฟีรีกำลังนำเสนอในวันนี้