Jamnews – “นโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่แห่งสหรัฐอเมริกาที่มีจุดยืนและท่าทีอันแข็งกร้าวกับอิหร่าน สร้างความกล้าหาญและอุ่นใจให้กับเจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบีย… “
นิตยสารสหรัฐ National Interest ได้ตีพิมพ์รายงานเรื่อง “ทำไมซาอุฯ รอคอยการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์” เนื่องจากว่า การขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของทรัมป์จะทำให้ซาอุดิอาระเบียกล้าหาญพอที่จะจัดการกับอิหร่าน
ในรายงานระบุว่า “การเลือกตั้งประธานาธิบดีของอเมริกาเกิดขึ้นในขณะที่ซาอุดีอาระเบียมีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่กระจายอิทธิพลของอิหร่านในภูมิภาค ทำให้เกิดการแทรกแซงของซาอุดีอาระเบียในเยเมนและใช้จรวดโจมตีเขตพื้นที่ในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งการโจมตีครั้งนี้กระทำโดยกลุ่มอันศอรุลเลาะฮ์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
นายพลมุฮัมมัด ฮุเซ็น บากีรีย์ เสนาธิการทหารของกองทัพอิหร่านให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อิหร่านว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการจัดตั้งฐานทัพเรือของอิหร่านในซีเรียและเยเมน
แต่ชัยชนะในการเลือกตั้งอเมริกาของโดนัลด์ทรัมป์นั้นถือเป็นข่าวที่ดีสำหรับเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบีย นโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่แห่งสหรัฐอเมริกาที่มีจุดยืนและท่าทีอันแข็งกร้าวกับกับอิหร่าน สร้างความกล้าหาญและอุ่นใจให้กับเจ้าหน้าที่ของซาอุฯ
เจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบียกล่าวว่าเรากำลังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและแน่นแฟ้นกับโดนัลด์ทรัมป์ โดยพกเขากล่าวว่าในห้วงเวลาที่ผ่านมาทำเนียบขาวละเลยและไม่ใส่ใจต่อภัยคุกคามของอิหร่านและการรุกรานของเตหะราน
หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย กล่าว ผมต้องการที่จะให้นางฮิลารีคลินตันชนะการเลือกตั้งในอเมริกา แต่ทว่าส่วนมากของเพื่อนๆของผมมีความยินดีกับชัยชนะของทรัมป์ เพราะเขาจะมีจุดยืนที่แข็งในการจัดการกับอิหร่านและเขามีความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจ ”
นิตยสารสหรัฐ National Interest รายงานเสริมว่า “ทีมที่ทรัมป์ได้นำเสนอนั้นมีนักวิจารณ์สาธารณรัฐอิสลามร่วมอยู่ด้วยหลายคน แต่ทั้งนี้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาทรัมป์มีความสัมพันธ์ทางการค้ากับเจ้าชายแห่งราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียเรื่อยมา นับตั้งแต่ที่เขาเริ่มรณรงค์หาเสียงประธานาธิบดีจนถึงเปิดตัวบริษัทใหม่แปดแห่งในซาอุดิอาระเบีย
ความสัมพันธ์ทางธุรกิจและความสัมพันธ์ส่วนตัวของทรัมป์กับเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียนั้น นำมาซึ่งความเห็นดีเห็นชอบให้กับเจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบียเกี่ยวกับปัญหานี้ เพราะทรัมป์มีทัศนคติปฏิปักษ์ร่วมกับตนที่มีต่ออิหร่าน
มีความเป็นไปได้สูงที่คณะรัฐบาลของทรัมป์อาจจะรวมถึงคนที่มีประวัติความเป็นมาแห่งมิตรภาพที่ยาวนานกับซาอุดิอาระเบีย เป็นที่คาดการณ์ว่า “จอห์น โบลตัน” อดีตทูตของอเมริกาสหประชาชาติและ “นิวต์ กิงริช” อดีตหัวหน้าของสภาผู้แทนราษฎรจะทำหน้าที่บทบาทเป็นที่ปรึกษาในรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งทั้งสองคนได้เข้าร่วมงานประชุมสัมมนาของ MKO ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ที่จัดขึ้นในกรุงปารีสด้วย และได้พบกับ”เตอรกี อัลไฟซาล” อดีตหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับของซาอุดิอาระเบีย
“ไมเคิล ฟลินน์” ซึ่งคาดว่าจะเป็นคนที่จะขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ซึ่งมีจุดยืนที่แข็งกร้าวต่ออิหร่านและได้เขียนในหนังสือของเขาชื่อว่า “สนามรบ” ได้ให้การสนับสนุนทั้งทางอ้อมและทางตรงให้กับซาอุดิอาระเบีย
” Mike Pampyv” ซึ่งทรัมป์ได้แต่งตั้งเขาให้เป็นหัวหน้าซีไอเอในอนาคต ก็เรียกร้องให้มีการแสดงท่าที่ที่รุนแรงต่ออิหร่าน ”
ในช่วงท้ายของรายงานซึ่งอ้างจาก “ไมเคิล รูบิน” ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางแห่ง “สถาบันวิสาหกิจอเมริกัน” ที่กล่าวว่า “เราหวังว่าในช่วงการเป็นประธานาธิบดีของโดนัลด์ทรัมป์ จะมีการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียมากขึ้น เมื่อทรัมป์เริ่มปฏิบัติหน้าที่ประธานาธิบดีอเมริกา และอิหร่านก็จะไม่สามารถแทรกแซงนโยบายของตนในเยเมนและอ่าวเปอร์เซียได้อีก ”
กล่าวกันว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาความเป็นผู้นำของซาอุดีอาระเบียปีในพื้นที่ต่างๆของภูมิภาคได้ล้มเหลวในขณะเดียวกันก็เริ่มมีความหวังมากขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลของอเมริกาเพื่อที่จะก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายของพวกเขา
สัปดาห์ที่ผ่านมานิตยสารอังกฤษ “The Economist” รายงานว่า “แผนของริยาดในภูมิภาคนับจากซีเรีย อิรัก เยเมนและเลบานอน ต้องพบกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า และซาอุดิอาระเบียต้องพบกับความปราชัยและล้มเหลวต่ออิหร่านในทุกด้าน “