islamtimes – หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีของอเมริกาประกาศจะเพิ่มงบประมาณทางทหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จีนก็ได้ประกาศที่จะเพิ่มงบประมาณทางทหารร้อยละ 7 ในปีนี้ ซึ่งการกระทำเช่นนี้นำสู่การเปรียบเทียบแสนยานุภาพของกองทัพทั้งสองประเทศอีกครั้ง
ในขณะที่อเมริกายังคงเป็นอำนาจทางทหารที่ยิ่งใหญ่ในเอเชียและทั่วโลก จีนก็จะยังคงแผ่ศักยภาพทางทหารอย่างรวดเร็วทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ ด้วยเหตุจึงมีการหนุนเสริมในด้านอุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ องค์กรและขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้น และมีความพยายามที่จะแผ่ขยายการดำเนินการโครงการของทหารออกไปนอกพรมแดนของตนมากยิ่งขึ้น
การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงและการเพิ่มงบประมานการใช้จ่ายทางทหารและพยายามที่จะฟื้นบทบาททางประวัติศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกที่ผ่านมา จะช่วยให้ประเทศจีนก้าวสู่การเป็นมหาอำนาจทางทหารที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
ต่อไปนี้คือการเปรียบเทียบระหว่างกองทัพของอเมริกาและจีน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มาจากการวิจัยล่าสุดในประเทศสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับขีดความสามารถและศักยภาพของจีน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของที่ได้มาจากสถาบันความคิดและเว็บไซต์ของรัฐบาล ซึ่งบางตัวเลขเป็นการชี้วัดโดยประมาณการ
ภาพรวม
กองทัพปลดปล่อยสาธารณรัฐจีนมีบุคลากรประมาน 2.3 ล้านคน ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็นประเทศที่มีกองทัพที่พร้อมรับใช้ชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปักกิ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่มีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการทหาร ภารกิจของกองทัพจีนและโครงการในอนาคต อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ได้กล่าวว่าแม้ว่าทหารของอเมริกาขึ้นอยู่กับความต้องการของประเทศ แต่จนถึงวันที่ 31 มกราคม มีกองกำลังที่เป็นสมาชิกที่กำลังรับประเทศประมาน 1.4 ล้านคนที่ทำงานในภาคส่วนต่างๆของกรมทหาร
งบประมาณ
จีนประกาศในสัปดาห์นี้ว่า จะเพิ่มงบประมานการใช้จ่ายทางทหารขึ้นร้อยละ 7 ซึ่งรวมอยู่ประมาน 151 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนทรัมป์ได้เพิ่มงบประมานขึ้นจำนวน 54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนของงบประมาณทางทหารประจำปีของประเทศ ในภาพรวมงบประมาณนี้เพิ่มขึ้นถึง 603,000,000,000 ดอลลาร์ และนับสิบพันล้านดอลลาร์สำหรับใช้การปฏิบัติการทางทหารในต่างประเทศ จีนประกาศว่างบประมาณทางทหารในปีนี้คิดเป็นร้อยละ 1.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ในขณะที่อเมริกาได้จัดสรรงบประมานเพิ่มจากร้อยละ 3.4 ของ GDP
กองกำลังภาคพื้นดิน
เมื่อพิจารณาในด้านการเคลื่อนไหวของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน และอดีตความตึงเครียดตามชายแดนที่ดินกับรัสเซีย ทำให้จำนวนบุคคลากรของกองทัพบกสูงมาก ซึ่งปัจจุบันมีบุคคลากรจำนวน 1.6 ล้านคนที่ถูกว่าจ้างเป็นบุคลากรของกองทัพ มีรถถังหุ้มเกราะ 9150 คันและปืนใหญ่ 6246 กระบอก
กองทัพบกของอเมริกามีบุคลากร 460,000 คน และ 182,000 คนเป็นนาวิกโยธิน อเมริกามีรถถังหุ้มเกราะ 8848 คันและปืนใหญ่ 1299 กระบอก
กองทัพอากาศ
อเมริกาสามารถใช้เครื่องบินรบชนิดต่างๆมากถึง 13,000 ชนิด ในขณะที่จีนมีเครื่องบินรบประมาน 3,000 ลำ อเมริกามี เฮลิคอปเตอร์มากกว่า 6,000 ลำ ในขณะที่จำนวนของเฮลิคอปเตอร์ของจีนมีจำนวน 802 ลำ กองทัพอากาศจีนมีบุคลากรมากถึง 398,000 ส่วนบุคลากรกองทัพอากาศของอเมริกามีจำนวน 308,000 คน ทั้งคู่กำลังแข่งขันเพื่อเสริมทัพของพวกเขาเอง
กองทัพเรือ
กองทัพเรือจีนมีกองเรือ 714 ลำ แต่จำนวนเรือรบของอเมริกามีมากกว่าจีน อเมริกามีเรือบรรทุกเครื่องบินรบ 10 ลำ ในขณะที่จีนมีเรือบรรทุกเครื่องบินแค่ลำเดียว อเมริกามีเรือรบ 62 ลำ ส่วนจีนมี 32 ลำ อเมริกามีเรือดำน้ำ75 ลำ ส่วนจีนมีเรือดำน้ำ 68 ลำ กองทัพเรืออเมริกามีบุคลากร 323,000, คน ส่วนจีน มีจำนวน 235,000 คน
ขีดความสามารถด้านขีปนาวุธ
กองทัพจีนมีขีปนาวุธจำนวนมาก ทางขีปนาวุธพิสัยใกล้ ระยะสั้น ระยะกลาง และขีปนาวุธพิสัยไกลอีกทั้งขีปนาวุธที่ความสามารถติดหัวรบอาวุธนิวเคลียร์อีกด้วย เช่นกันเป็นที่คาดการณ์ว่าจีนมี 260 ขีปนาวุธนิวเคลียร์ มีขีปนาวุธ ballistic ภาคพื้นดิน 150 ลูก มีขีปนาวุธ ballistic ภาคทางทะเล 48 ลูก และ 48 ลูกที่มีความสามารถใช้ในเครื่องบินทิ้งระเบิด และคาดการณ์ว่าอเมริกามีขีปนาวุธนิวเคลียร์ 1740 ลูก
กองกำลังทหารในต่างประเทศ
นับตั้งแต่ปี 1979 หลังจากสงครามเวียดนาม จีนยังไม่เคยทำสงครามในต่างประเทศใดๆและนอกพรมแดนของตนอีกเลย แต่ขณะเดียวกันปักกิ่งก็ยังคงดำเนินการปฏิบัติการทางทหารในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ทางทะเลจีนใต้ ปฏิบัติการรักษาสันติภาพสหประชาชาติ การซ้อมรบร่วมกับกองทัพเรือรัสเซียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและการก่อสร้างฐานทหารเป็นครั้งแรกในต่างประเทศในทวีปแอฟริกา ในขณะที่ทหารของอเมริกากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ขณะนี้กว่า 100 ประเทศ และการปฏิบัติภารกิจที่ใหญ่ที่สุดคือในอัฟกานิสถาน อิรักและซีเรีย